เหยื่อสาวโดนอุ้มขึ้นรถบุกเข้าพบผู้ว่าฯกาฬสินธุ์ ขอมอบตัวหลังตกเป็นผู้ต้องหาในคดีค้ายาเสพติดซะเอง ในจังหวัดมหาสารคาม ยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับยาเสพติดที่ตำรวจขยายผลไปพบในห้องพักของตนถึง 4 พันเม็ด

บุกคุยผู้ว่ากาฬสินธุ์

จากกรณีกล้องวงจรปิดจับภาพรถเก๋งยี่ห้อเชฟขับตามเข้ามาปาดหน้ารถเก๋งยี่ห้อโตโยต้าของน.ส.เอ อายุ 26 ปี ซึ่งมากับเพื่อนชายอีก 2 คน ก่อนที่จะมีชาย 2 คน สวมเสื้อสีแดง คนหนึ่งถือมีดยาว 1 ฟุต พยายามลงทำทำร้าย และกระโดถีบกระจกรถ จากนั้นมีรถกระบะขับตามมาก่อนมีชาย 1 คน ลงมากระชากผมน.ส.เอ พาขึ้นรถหลบหนีไป และนำตัวไปกักขังไว้ที่โกดังร้างข้างถนนทางเข้าตัว อ.ดอนจาน จ.กาฬสินธุ์ ก่อนโทรไปหาพ่อแม่ของน.ส.เอ เพื่อแลกกับการไถ่ตัว เหตุเกิดเมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 10 ก.ค. ที่ผ่านมา ต่อมาตร.จับตัวนายมานะศักดิ์ อุดมพันธ์ หรือเปรี้ยว อายุ 23 ปี, นายสุรศักดิ์ จันทร์เพ็ง หรือ แป๋ม อายุ 20 ปี นายธนารัตน์ ภูโชคชัย หรือ โชค อายุ 23 ปี และนายรัฐศาสตร์ ภูนายาว อายุ 34 ปี ชายในคลิป และนายศุภมิตร บัญชา อายุ 30 ปี ผู้ร่วมขบวนการ ที่เข้ามามอบตัวได้ทั้งหมด ตามที่เสนอข่าวไปนั้น อ่านข่าว อุกอาจ!! แก๊งยาเสพติดฉุดสาวไปเรียกค่าไถ่ เหยื่อหนีจะเข้าจวนผู้ว่า-สุดท้ายไม่ทัน

เหยื่อโดนอุ้มเรียกค่าไถ่เปิดใจ

ความคืบหน้า เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 18 ก.ค. ที่ศาลากลางจังหวัดกาฬสินธุ์ หน้าห้องผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีหญิงสาวอายุประมาณ 20 ปี ท่าทางลุกลนเข้ามาติดต่อเพื่อขอพบนายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ โดยให้เหตุผลการเข้าพบว่าต้องการจะพูดคุยกับผู้ว่าราชการจังหวัดเท่านั้น เจ้าหน้าที่จึงสอบถามสาเหตุการเข้าพบจึงทราบว่า หญิงสาวคนดังกล่าว คือ น.ส.ประภาพรรณ ภูอุทา หรือโอปอ อายุ 20 ปี ชาวจ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นหญิงสาวที่ปรากฏในคลิปของกล้องวงจรปิดจากเหตุการณ์ที่ตกเป็นผู้เสียหาย คดีอุ้มหน้าจวนผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 10 ก.ค. ที่ผ่านมา อ่านข่าว แฉคดี อุ้มสาวเรียกค่าไถ่ ส่อพลิก! ค้นห้องผู้เสียหายพบยาบ้าอื้อ พันแก๊งชื่อดัง!

ให้ข้อมูลเจ้าหน้าที่

เจ้าหน้าที่จึงอนุญาตให้นั่งรอจนเมื่อนายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ กลับมาจากประชุม จึงอุนญาตให้น.ส.ประภาพรรณ ภูอุทา เข้าพบ โดยใช้เวลาพูดคุยส่วนตัวเป็นเวลาประมาณ 10 นาที แต่ในระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองได้ตรวจสอบและแจ้งไปยัง พ.ต.อ.ธีรพัฒน์ ธารีไทย ผู้กำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ เจ้าหน้าที่ถึงกับตกใจเมื่อทราบว่าน.ส.ประภาพรรณ จากเดิมที่เป็นผู้เสียหายในคดีอุ้ม ขณะนี้กลายเป็นผู้ต้องหาในคดีค้ายาบ้าถึง 4,000 เม็ด โดยมีหมายจากศาลจังหวัดมหาสารคาม เลขที่ จ.142/2561 ลงวันที่ 16 กรกฎาคม 2561 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ กว่า 10 นาย จึงขึ้นมาเฝ้ารอเพื่อจับกุมถึงหน้าห้องผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์

ภายหลังจากพบผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ น.ส.ประภาพรรณ ผู้ต้องหา ยังร้องขอความเป็นธรรมต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ เนื่องจากเชื่อว่าตนเองถูกปรักปร่ำกรณีค้ายาบ้า ซึ่งก็เข้าพบเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรม และเขียนขอร้องเรียนให้มีการตรวจสอบ โดยปฏิเสธว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการค้ายาบ้าที่ถูกค้นพบในห้องพักของตนเองในครั้งนี้

นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ก็เป็นสิทธิ์ที่จะต้องให้ความเป็นธรรม เรื่องนี้ไม่รู้ว่าใครพูดจริงหรือไม่ เพราะน.ส.ประภาพรรณ อ้างว่า ตนเองตกเป็นเหยื่อของแก๊งค้ายาเสพติด แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในเหตุที่จังหวัดกาฬสินธุ์ นั่นคือผู้เสียหายในคดีเรียกค่าไถ่ แต่ปัจจุบันก็ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีค้ายาบ้าในท้องที่จังหวัดมหาสารคาม ซึ่งก็เป็นสิทธิ์ที่จะขอความเป็นธรรมจากศูนย์ดำรงธรรม เมื่อมีการกล่าวอ้างก็ต้องทำหน้าที่สอบสวนเพราะสิ่งที่น.ส.ประภาพรรณอ้างนั้น บอกว่ามีเจ้าหน้าที่เอี่ยวในเรื่องยาเสพติดด้วย

ด้าน พ.ต.อ.รัชพล เสริมศรัณย์ ผกก.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากหน้าห้องผู้ว่าราชการ จังหวัดกาฬสินธุ์ ก็รีบส่งเจ้าหน้าที่ไปจับกุมเนื่องจากน.ส.ประภาพรรณ ขณะนี้เดิมเป็นผู้เสียหาย แต่ปัจจุบันเป็นผู้ต้องหาในคดีค้ายาบ้าแล้ว

ทั้งนี้เกิดจากทางสืบสวนทราบว่า เหตุกระชากหัวเรียกค่าไถ่หน้าจวนผู้ว่าฯนั้น ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคามจังหวัดมหาสารคาม และตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้จับกุมแฟนหนุ่มของ น.ส.ประภาพรรณไปแล้วตั้งแต่วันที่ 11 ก.ค. เนื่องจากพบยาบ้าจำนวน 4,000 เม็ด ภายในห้องพักของน.ส.ประภาพรรณ และจากการขยายผลซัดทอดถึงน.ส.ประภาพรรณ ตำรวจ สภ.เมืองมหาสารคาม จึงขออนุมัติหมายจับ ซึ่งศาลจังหวัดมหาสารคาม ได้ออกหมายจับให้เมื่อวันที่ 16 ก.ค. จับกุมตัวน.ส.ประภาพรรณ ภูอุทา อายุ 20 ปี ในข้อหา ร่วมกันมียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย

ดังนั้นคดีนี้ต้องแยกเป็น 2 ท้องที่ คือคดีเรียกค่าไถ่ ก็จะดำเนินคดีในท้องที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ส่วนคดีค้ายาบ้าก็จะดำเนินคดีในท้องที่จังหวัดมหาสารคาม

ภายหลังจากที่ น.ส.ประภาพรรณ ร้องศูนย์ดำรงธรรมแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจก็จับกุมตามหมายจับศาลจังหวัดมหาสารคาม ในข้อหาร่วมกันมียาเสพติดไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และนำตัวไปลงบันทึกประจำวันก่อนจะส่งตัวไปยัง สภ.เมืองมหาสารคาม ดำเนินคดีต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน