ตร.ค้นบ้าน‘โกรัตน์’ เสี่ยส้มโอทับทิมสยาม หาหลักฐานโยงคดีซ้อมเมีย-ขู่ฆ่ายกครัว เผยไม่ได้นิ่งนอนใจ ยังติดตามล่าตัวอยู่ เตรียมขอหมายศาลออกหมายจับพยายามฆ่า ขอเวลา 5 วันจับตัวได้

จากกรณีครอบครัวของนายวิรัตน์ สุขแสง หรือ “โกรัตน์” อายุ 48 ปี ประกอบด้วยภรรยา ลูก พ่อตา ซึ่งเป็นนักธุรกิจส่งออกส้มโอพันธุ์ทับทิมสยาม ส้มโอชื่อดังของนครราชศรีธรรมราช และหลาน รวม 7 ชีวิต หนีตายจากจังหวัดนครศรีธรรมราชเข้าไปขอความช่วยเหลือจาก ผวจ.ตรัง หลังถูกนายวิรัตน์ ซ้อมแล้วใช้อาวุธปืนขู่ฆ่ายกครัว กระทั่งตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหา นายวิรัตน์ในข้อหาครอบครองอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต และทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจตามที่เสนอข่าวไปนั้น อ่านข่าว ตร.ฟันข้อหาเพิ่ม! ‘โกรัตน์’ ขู่ฆ่ายกครัว แฉพฤติกรรมสุดโหด! ก่อน7ชีวิตหนีตาย

ขอหมายจับโกรัตน์/ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 27 ส.ค. พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า ตำรวจไม่ได้นิ่งนอนใจ และยังติดตามตัวนายวิรัตน์อยู่ รวมทั้งสั่งการให้กำลังตำรวจเข้าตรวจค้นบ้านพักเพื่อหาหลักฐาน และตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดที่บ้านดูพฤติกรรมของนายวิรัตน์ ที่ภรรยาระบุว่าใช้อาวุธปืนข่มขู่ลูกเมีย ซึ่งเป็นการรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อขออนุมัติศาลออกหมายจับนายวิรัตน์ ในคดีพยายามฆ่าอีก 1 คดี อ่านข่าว รอกันเก้อ!นักธุรกิจซ้อมเมีย-ขู่ฆ่ายกครัว เบี้ยวมอบตัว ตร.แจ้ง 2 ข้อหาหนัก

ซึ่งจากการตรวจสอบที่บ้านพักของนายวิรัตน์ได้พยานหลักฐานมาบ้าง ยึดกล้องวงจรปิดมาตรวจสอบ ส่วนหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดตามที่ภรรยากล่าวเข้าใจว่า คงพบเป็นเพียงบางส่วน โดยตำรวจแยกการทำงานออกเป็น 2 ส่วน

ชุดติดตามและชุดสืบสวนประสานกับทุกภาคส่วนกระจายออกติดตามจับกุม ซึ่งวันนี้น่าจะขอหมายจับข้อหาพยายามฆ่าอีกคดี และทางผู้ว่าราชการจังหวัดได้เร่งรัดให้จับกุมนายวิรัตน์มาดำเนินคดีโดยเร็วด้วย

“สำหรับพ่อตาภรรยาและครอบครัวทั้ง 7 ราย ที่ยังอาศัยอยู่ที่จ.ตรัง นั้นจะกลับมาใช้ชีวิตอยากปกติ สงสารเด็กๆ ที่ไม่ได้ไปโรงเรียนเรียนหนังสือหลายวันแล้ว และจะดูแลความปลอดภัยของครอบครัวอย่างเต็มที่ และต้องขอเวลาอย่างน้อยอีก 5 วัน มั่นใจว่าตำรวจจะเร่งออกไล่ล่าติดตามจับกุมนายวิรัตน์ มาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้อย่างแน่นอน” พล.ต.ต.วันไชย กล่าว

รายงานข่าวว่า เมื่อหลายปีก่อนเคยมีการร้องเรียนนายวิรัตน์เรื่องยาเสพติดต่อ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรอง ผบ.ตร.ที่ลงพื้นที่นครศรีธรรมราช โดยในครั้งนั้นสั่งการให้ตำรวจในพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงจากพ่อตาและครอบครัวของนายวิรัตน์ แต่ไม่ได้ข้อมูล เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดความเสื่อมเสีย เพราะเป็นนักธุรกิจส่งออกผลไม้เป็นที่เคารพและเกรงใจกับหน่วยงานราชการ จนทำให้ไม่สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้

จนกระทั่งครอบครัว 7 ชีวิตต้องหนีตายออกจากพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ไปขอความช่วยเหลือจากผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ซึ่งก่อนหน้านี้ตำรวจมองว่าเป็นความรุนแรงภายในครอบครัว แต่หลังจากเหตุการณ์กลายเป็นเรื่องใหญ่จึงกลับมาดำเนินการ ในขณะที่หลายคนกำลังจับตาดูว่าการทำงานของตำรวจ ทั้งๆ ที่เป็นคดีที่ไม่ได้สลับซับซ้อนอะไร

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน