ฝันเป็นจริง! แม่เฒ่าไร้สัญชาติ ใกล้ได้บัตรประชาชน ชี้เป็นชาวเขาดั้งเดิมของไทย

ฝันเป็นจริง – วันที่ 24 ก.ย. ที่ทำการอำเภอแม่จัน จ.เชียงราย แม่เฒ่าไร้สัญชาติชาวอีก้อ (อาข่า) 4 ราย เดินทางจากหมู่บ้านกิ่วสะไต ม.19 ต.ป่าตึง อ.แม่จัน มายังอำเภอแม่จัน เพื่อยื่นคำร้องขอลงรายการสัญชาติไทยในทะเบียนราษฎร ได้แก่นางจางจ้า เบ่ก่ากู่ อายุ 81 ปี นางอาแผ่ จูเปียกู่ อายุ 85 ปี นางซุงยุง เบชะกู่ อายุ 91 ปี และนางห่วยเมียง เบ่ก่ากู่ อายุ 82 ปี โดยนางวันดี ราชชมภู นายอำเภอแม่จัน และปลัดอำเภอ ได้รับคำร้องดังกล่าว

น.ส.เพียรพร ดีเทศน์ เลขาธิการมูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา (พชภ.) กล่าวว่า จากการสำรวจพบว่า แม่เฒ่าเหล่านี้เป็นชาวเขาเผ่าอีก้อหรืออาข่า เกิดที่อำเภอแม่จัน ได้รับการบันทึกในแบบพิมพ์ประวัติบุคคล บนพื้นที่สูง จัดทำโดยอำเภอแม่จัน จ.เชียงราย เมื่อพ.ศ.2534 และยังได้รับการสำรวจประชากรชาวเขาปี พ.ศ.2528 -2530 ของกรมประชาสงคราะห์ มีพยานบุคคลที่เชื่อถือได้ที่ยืนยันว่าแม่เฒ่าเหล่านี้เป็นบุคคลที่มีสัญชาติไทยตามกฎหมาย โดยเฉพาะคำพยานของนายธนูชัย ดีเทศน์ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งหัวหน้าหน่วยพัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขา ปางสา ในระหว่าง พ.ศ.2519 -2529 มีหน้าที่ดูแลราษฎรในหมู่บ้านกิ่วสะไต

ดร.พันทิพย์ กาญจนะจิตรา สายสุนทร นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายสถานะบุคคล คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ด้วยพยานหลักฐานทำให้สรุปได้ว่า แม่เฒ่าเหล่านี้เป็นชาวไทยภูเขา ซึ่งเป็นผู้ทรงสิทธิในสัญชาติไทยตามมาตรา 3 (3) แห่ง พ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ.2456 เพราะท่านเกิดในประเทศไทย เป็นชาวไทยภูเขาเผ่าอีก้อ หรืออาข่า ดั้งเดิมของแผ่นดินไทย แม้จะไม่ปรากฏพยานหลักฐานรับรองการจดทะเบียนการเกิดดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เนื่องจากท่านเกิดก่อนระบบการทะเบียนราษฎร ทั่วไป ภายใต้ พ.ร.บ.การทะเบียนราษฎร พ.ศ.2499

แต่กรมการปกครอง ซึ่งทำหน้าที่สำนักทะเบียนกลางตามกฎหมายไทยว่าด้วยการทะเบียนราษฎร มีระเบียบสำนักทะเบียนกลางเพื่อบุคคลในสถานการณ์ กล่าวคือ ระเบียบสำนักทะเบียนกลางว่าด้วยการพิจารณาลงรายการสถานะบุคคลในทะเบียนราษฎร ให้แก่บุคคลบนพื้นที่สูง พ.ศ. 2543 ซึ่งข้อ 11 บัญญัติว่า

“ชาวไทยภูเขาที่จะได้รับการลงรายการสัญชาติไทย โดยเพิ่มชื่อและรายการบุคคลเข้าในทะเบียนบ้าน (ท.ร.14) จะต้องเป็นบุคคลที่มีสัญชาติไทย ตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติ สำหรับบุคคลบนพื้นที่สูงที่จะได้รับการลงรายการสัญชาติไทย โดยเพิ่มชื่อและรายการบุคคลเข้าในทะเบียนบ้าน (ท.ร.14) จะต้องเป็นบุคคลที่ทางราชการได้จัดทำทะเบียนประวัติ และบัตรประจำตัวไว้แล้วและจะต้องเป็นบุคคลที่มีสัญชาติไทยตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติ

ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า บุคคลที่เกิดในราชอาณาจักรระหว่างวันที่ 10 เมษายน พ.ศ.2456 จนถึงวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ.2515 เป็นบุคคลซึ่งมีสัญชาติไทย เว้นแต่จะพิสูจน์ได้เป็นอย่างอื่น ความในวรรคสาม ให้สันนิษฐานจากเอกสารหลักฐานต่างๆ ที่ออกโดยส่วนราชการ หรือ พยานหลักฐานแวดล้อมกรณีโดยอาศัย การพิสูจน์ทางประวัติศาสตร์ ภาษาศาสตร์ หรือชาติพันธุ์วรรณนา เป็นต้น” ดร.พันทิพย์ กล่าว

ความรู้สึกของแม่เฒ่าไร้สัญชาติ

นางซุงยุง เบชะกู่ กล่าวว่า วันนี้เดินทางลงดอยมาจากหมู่บ้านกิ่วสะไต มายื่นคำร้อง รู้สึกตื่นเต้น ตนมีอายุมาก ใกล้จะถึงฝั่งแล้ว แต่ก็กำลังจะได้บัตรประชาชนไทยในที่สุด รู้สึกดีใจที่อีกไม่นานไปไหนก็สามารถเดินทางไปได้ อยากไปทุกๆ ที่ ลงมาเที่ยวในเมือง และไปซื้อของสำหรับมาทำหัตถกรรมขายที่ตลาดชุมชนบ้านกิ่วสะไต

นางอาแผ่ จูเปียกู่ กล่าวว่า เมื่อมาถึงตรงนี้ วันที่ได้ดำเนินการยื่นคำร้อง ทำให้กลับนึกถึงตอนเด็กๆ ไม่เคยรู้เรื่องว่าต้องมาทำบัตรประชาชน เมื่อก่อนอยู่หมู่บ้านห่างไกล ยังวิ่งเก็บลูกไม้ใบไม้อยู่ในป่า วันนี้กำลังจะมีบัตรประชาชนจริงๆ แล้ว เมื่อคืนนอนก็คิดตลอดว่าจะลงมาอำเภอ ดีใจที่ได้เข้าใกล้บัตรประชาชนอีกขั้นหนึ่งแล้ว

นางจางจ้า เบ่ก่ากู่ กล่าวว่า ตอนนี้รู้สึกตื่นเต้น น้ำตาจะไหล อายุแปดสิบกว่าแล้ว กำลังจะได้สัมผัสกับบัตรประชาชนแล้ว ลูกหลานได้บัตรประชาชนเป็นคนไทยไปครบแล้ว หากตนเองได้บัตรประชาชนไทย จะให้ลูกหลานพาไปเที่ยวทุกที่ที่ไปได้ จะรู้สึกภูมิใจมาก

อ่านข่าว : วอนแก้ปัญหา เฒ่าไร้สัญชาติ ตัวเลขสูงนับหมื่น นักกม.ชี้เหตุล่าช้า-อำเภอหมกไว้เป็นปี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน