ผอ.รพ.หนองคายแจงแล้วหลัง ญาติย่าวัย 80 ปี โพสต์โวยเข้ารักษาตัวแล้วถูกกระชากแขนจนเป็นแผลเน่า เผยก่อนคนไข้กลับบ้านไม่มีแผล แต่พบประวัติเคยใช้สเตียรอยด์ ทำผิวหนังเปราะง่าย ส่งทีมแพทย์ดูแลแล้ว เร่งสอบเหตุการณ์กระชากแขนใช้วาจาไม่สุภาพ หากมีจริงต้องขอโทษและจะรีบแก้ไข

จากกรณีที่มีผู้ใช้เฟซบุ๊ก So’som SomLh โพสต์รูปภาพของ ย่า ของผู้โพสต์ ที่แขนมีสภาพเป็น แผลเน่า ระบุว่า เราไม่รู้หรอกว่าเป็นพยาบาลหรือเป็นผู้ช่วย แต่ที่รู้ๆ คือคุณไม่ควรมาทำอาชีพนี้เลยสักนิดเดียว การที่คนไข้บอกเจ็บคุณควรเบามือในการทำ ไม่ใช่คนไข้บอกเจ็บแล้วคุณบอกว่าเถียง แล้วก็ดึงแรงขึ้นจนทำให้เกิดแผลน่ากลัวแบบนี้ จรรยาบรรณของคุณมันไม่มีเลยหรอ ตามที่เสนอข่าวไปนั้น

ย่าแขนเน่า / เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 25 ต.ค. ที่ห้องประชุมโรงพยาบาลหนองคาย นพ.สุรกิจ ยศพล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลหนองคาย พร้อมด้วย นพ.พิสิษฐ์ อินทรวงษ์โชติ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลหนองคาย ด้านการแพทย์ แถลงข่าวถึงกรณีดังกล่าว

นพ.สุรกิจ กล่าวว่า เบื้องต้นตรวจสอบข้อมูล ทราบว่าเมื่อวันที่ 5 ต.ค.ที่ผ่านมา ทางโรงพยาบาลเฝ้าไร่ จ.หนองคาย นำผู้ป่วยเป็นคุณยายคนหนึ่ง อายุ 80 ปี ทางโรงพยาบาลขอสงวนสิทธิการเปิดเผยชื่อและนามสกุลผู้ป่วย ชาวตำบลบัวตูม อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ ส่งมารับการรักษาต่อที่โรงพยาบาลหนองคาย ด้วยอาการปอดอักเสบร่วมกับภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด

ผู้ป่วยมีโรคประจำตัวอยู่ก่อนคือเป็นภาวะต่อมหมวกไตบกพร่อง จากการกินสเตียรอยด์มาตั้งแต่เป็นสาว การรักษานั้นรักษาตามกระบวนการให้ยา โดยเจาะเลือดเพื่อส่งไปทดสอบในห้องปฏิบัติการหลายคร้ง จึงทำให้ต้องมีรอยแผล รอยเข็มจากการเจาะเลือดซึ่งถือเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่เนื่องจากผู้ป่วยเป็นผู้สูงอายุ มีผิวหนังเปราะบางอยู่แล้ว

ประกอบกับการใช้สเตียรอยด์มานาน เสี่ยงต่อการรับบาดเจ็บง่าย ทีมที่ให้การรักษาพบว่าผู้ป่วยมีแผลหรือรอยจ้ำที่แขนมาก่อน จึงพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้เจาะเลือดหรือกระทบกระเทือนบริเวณนั้น ตามหลักทางการแพทย์

จนกระทั่งวันที่ 12 ต.ค. ซึ่งเป็นวันที่ผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลหนองคาย ก็ยังไม่พบบาดแผลใดๆ เพิ่มเติม ตามที่ญาติถ่ายรูปลงในเฟซบุ๊ก จึงเชื่อว่าแผลที่เกิดน่าจะเกิดหลังจากผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว จนมีการติดเชื้อ โดยแพทย์นัดผู้ป่วยมาติดตามการรักษาอีกครั้งในวันที่ 22 ต.ค. แต่ผู้ป่วยไม่มาพบแพทย์ตามนัด

ขณะนี้จัดทีมของโรงพยาบาลลงไปสมทบกับรพ.สต.บัวตูม เพื่อไปดูบาดแผลและทำความเข้าใจกับผู้ป่วย พบว่าแผลเริ่มหาย ตกสะเก็ดทั้งแขนซ้ายขวา แผลที่ถลอกตามขาหนีบ ตามต้นขา มีแผลกดทับเป็นหย่อมๆ แต่ไม่รุนแรง แค่ถลอกและกำลังจะหาย ไม่มีอาการหนองเยิ้มแล้ว แต่ผู้ป่วยมีผิวหนังเปราะบางมาก เหมือนกระดาษจับเล็กน้อยผิวหนังก็จะฉีกขาดได้ ขนาดวัดความดันยังวัดยาก เพราะเกรงว่าผิวหนังจะปริแตก

ขณะนี้ยังพบด้วยว่าเริ่มมีไข้สูงอีกครั้งประมาณ 39 องศา หายใจหอบ เชื่อว่าน่าจะเป็นปอดบวมอีก จึงขอให้เข้ารับการรักษาโดยเร็ว แต่ญาติยังลังเลอยู่ เพราะอยู่ในช่วงเก็บเกี่ยวข้าวและกรีดยาง กลัวว่าจะไม่มีคนมาเฝ้าไข้

“สำหรับสิ่งที่เป็นห่วงคือสัมพันธภาพและความเข้าใจ พยายามดูแลจิตใจของคนไข้ ได้มอบหมายให้รพ.สต.เฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิด ถ้าเป็นไปได้อยากให้ส่งคนไข้เข้ารักษาโดยเร็ว สภาพผู้ป่วยตอนนี้เป็นคนไข้ติดเตียง มีอาการบวมตามแข้งขา ส่วนข้อมูลการบริการที่ไม่เหมาะสมของเจ้าหน้าที่ตามที่กล่าวอ้าง ทางโรงพยาบาลกำลังตรวจสอบข้อมูล เนื่องจากยังไม่ทราบชัดเจนว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นวันไหน เป็นเวรของใคร จึงยากจะสรุปว่าเป็นเวรใคร ถ้าหากว่าเป็นจริงก็ต้องขอโทษผู้มารับบริการอย่างสูง และจะนำมาปรับปรุงระบบบริการให้ดีขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์อีก แต่ตอนนี้ห่วงความปลอดภัยของคนไข้มากที่สุด อยากให้เข้ารับการรักษาก่อน แม้ว่าจะไม่สะดวกกับทางโรงพยาบาลหนองคายแล้ว ก็เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลข้างเคียง” นพ.สุรกิจ กล่าว

ผอ.รพ.หนองคาย กล่าวต่อว่า เรื่องเหล่านี้มีผลกระทบสูง ถ้าเหตุการณ์นี้เป็นจริงอย่างที่โพสต์ ก็ไม่สมควรให้เกิดในหมู่พยาบาล แต่หากไม่เป็นความจริงจะมีผลกระทบต่อพยาบาลผู้ประกอบวิชาชีพทั่วประเทศ หากเป็นไปได้อยากให้รับฟังข้อเท็จจริงจากหน่วยบริการให้แน่ชัด ก่อนจะโพสต์หรือนำเสนอข่าวออกไป เพราะข่าวพวกนี้ดังง่าย แต่จะเกิดผลเสียหายต่อผู้ที่ตั้งใจทำงานให้บริการประชาชน ซึ่งที่ผ่านมากำชับเรื่องการบริการให้ดีกับผู้ป่วยอยู่เสมอ

นพ.พิสิษฐ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ข้อดีที่สุดในขณะนี้คือการที่อยากให้ญาติพาคุณยายเข้ารับการรักษาโดยด่วน เพราะดูจากประวัตินอน รพ.3 ครั้ง ด้วยเรื่องติดเชื้อในกระแสเลือด เพราอายุมากและภูมิคุ้มกันไม่ดี จากการที่ดูภาพที่เจ้าหน้าที่ส่งมาให้ก็ยังมีรอยแผล มีโอกาสเกิดแผลได้ง่าย เชื้อโรคจะเข้าสู่ร่างกายและอักเสบได้ง่าย อยากให้ญาติรีบพาคุณยายเข้ารักษาโดยด่วน ซึ่งคุณยายใช้สิทธิบัตรทองในการรักษา

แต่แม้ว่าจะใช้สิทธิไหนทางโรงพยาบาลก็พร้อมให้บริการ การที่ผู้ป่วยเข้าออกโรงพยาบาลบ่อยแสดงว่าภูมิต้านทานไม่ค่อยดี มีภาวะต่อมหมวกไตบกพร่องเป็นโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดการติดเชื้อในตำแหน่งต่างๆ ได้ง่ายและรุนแรงมากกว่าปกติ

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่เพิ่มเพื่อน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน