คณะศิษยานุศิษย์วัดป่าออกแถลงการณ์ ยืนยันสาวร้องถูกเจ้าอาสาวล่อลวงเสพเมถุนไม่เป็นความจริง ระบุหวังทำลายเชื่อเสียงและขู่กรรโชกทรัพย์ 30 ล้านบาท จนถูกพนักงานสอบสวนและอัยการสั่งฟ้อง กระทั่งศาลชั้นต้นตัดสินจำคุก 2 ปี 8 เดือน ขอความร่วมมือสื่อเผยแพร่ข่าวสารอย่างระมัดระวัง เพราะคดียังอยู่ในการพิจารณาของศาล

กรณีน.ส.บี (นามสมมติ) ยื่นหนังสือร้องทุกข์ถึง พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านนายพีระ ทองโพธิ์ ผู้อำนวยการศูนย์บริการประชาชน เพื่อขอความช่วยเหลือกรณีถูกเจ้าอาวาสวัดวัดแห่งหนึ่งใน จ.กาฬสินธุ์ ล่อลวงจนถึงขั้นมีความสัมพันธ์ทางเพศ เหตุเกิดเมื่อกลางปี 2557 แต่กลับถูกแจ้งความดำเนินคดี เมื่อวันที่ 19 ม.ค. ที่ผ่านมา นั้น

อ่านข่าว สีกาบุกร้อง “บิ๊กตู่” อ้างถูกเจ้าอาวาสวัดป่าลวงข่มขืน-ยันมีคลิปหลักฐาน

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 20 ม.ค. คณะศิษยานุศิษย์วัดป่าดังกล่าว ออกแถลงการณ์ ลงวันที่ 19 มกราคม 2560 เรื่องแถลงการณ์จากคณะศิษยานุศิษย์วัด โดยมีข้อความว่า ตามที่ปรากฏในสื่อ ซึ่งออกเผยแพร่เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2560 เกี่ยวกับการร้องเรียนของน.ส.บี ที่ร้องต่อสำนักนายกรัฐมนตรีนั้น คณะศิษยานุศิษย์วัดป่า จ.กาฬสินธุ์ ขอชี้แจงว่าข้อความกล่าวอ้างของน.ส.บี ไม่เป็นความจริงทุกประการ

เนื่องจากนางสาวบีจัดทำคลิปวีดีโอขึ้น ซึ่งไม่เป็นความจริง เพื่อทำลายชื่อเสียงเจ้าอาวาส และขู่กรรโชกเอาเงินจากทางวัด จำนวน 30,000,000 บาท (สามสิบล้านบาท) เป็นเหตุให้วัดได้มีการร้องทุกกล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับนางสาวบี ที่สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ในข้อหาความผิดฐานกรรโชกทรัพย์ และความผิดฐาน พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ซึ่งในชั้นจับกุมนางสาวบี ผู้ต้องหา จับกุมได้พร้อมของกลาง และนางสาวบี ยอมรับว่า เป็นผู้จัดทำคลิปวีดีโอดังกล่าวขึ้น เพื่อขู่กรรโชกเอาเงินจากทางวัดจริง และในชั้นสอบสวนนางสาวบี ทนายความและญาติ ได้มากราบขอขมาเจ้าอาวาส ด้วยสำนึกผิดในสิ่งที่ได้กระทำผิดไปแล้ว และได้บันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร

แต่คดีนี้เป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ซึ่งยอมความไม่ได้ พนักงานสอบสวนได้พิจารณาพยานหลักฐานและสรุปสำนวน มีความเห็นสั่งฟ้องนางสาวบีตามข้อกล่าวหาทุกประการ และได้ส่งสำนวนต่อไปให้พนักงานอัยการจังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งพนักงานอัยการจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้ส่งฟ้องตามข้อกล่าวหาและได้เป็นโจทย์ยื่นฟ้องนางสาวบี เป็นจำเลยตามคดีอาญาหลายเลขดำที่ 174/2558 และวัดเข้าเป็นโจทย์ร่วมด้วย

ต่อมาศาลจังหวัดกาฬสินธุ์พิจารณาพยานหลักฐานจากโจทย์ โจทย์ร่วมและจำเลยแล้ว จึงมีคำพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้องโจทก์ทุกข้อกล่าวหา โดยพิพากษาจำคุกจำเลย 2 ปี 8 เดือน ไม่รอลงอาญา ตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2937/2559 เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2559 จำเลยได้อุทธรณ์ และได้รับการประกันตัวในชั้นอุทธรณ์ ซึ่งในระหว่างการพิจารณาของศาลจังหวัดกาฬสินธุ์นั้นห้ามเผยแพร่พยานหลักฐานในคดีจนกว่าคดีจะถึงที่สุด

ดังนั้นคณะศิษยานุศิษย์เห็นว่า คดียังอยู่ในการพิจารณาของศาล ซึ่งจำเลยได้ใช้สิทธิ์ตามกระบวนการยุติธรรมตลอดมาแล้ว คณะศิษยานุศิษย์จึงเป็นสมควรให้เรื่องดังกล่าวอยู่ในกระบวนการยุติธรรมของศาลและขอความร่วมมือต่อสื่อมวลชนในการเผยแพร่ข่าวสารอย่างระมัดระวัง

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อไปยังคณะศิษยานุศิษย์ของวัด ที่ได้ร่วมกันออกแถลงการณ์ ซึ่งทางวัดยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ เพียงแต่ออกแถลงการณ์เท่านั่น และยังไม่สามารถให้ข้อมูลรายละเอียดได้ เพราะเกรงว่าจะหมิ่นศาล และปล่อยเป็นหน้าที่ของศาล จึงขอปรึกษากันก่อน

ส่วนบรรยากาศที่วัดค่อนข้างเงียบเหงา แต่ก็ยังมีประชาชนทั่วไปเข้าไปทำบุญ ซึ่งก็ไม่มากนัก และมีบรรดาลูกศิษย์เข้าไปในวัด แต่ทางศิษยานุศิษย์ขอความร่วมมือและไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปถ่ายภาพภายในวัด พร้อมทั้งไม่ขอพูดถึงรายละเอียดใดๆ เพราะออกแถลงการณ์แล้ว จึงไม่ทราบว่าเจ้าอาวาสอยู่ภายในวัดหรือไม่

ด้านนายศุภเดช การถัก ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า เท่าที่ทราบและตรวจสอบเรื่องดังกล่าวเป็นไปตามที่มีการเสนอข่าว คือทางวัดได้แจ้งความและฟ้องในข้อหาความผิดฐานกรรโชกทรัพย์ และความผิดฐาน พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์กับนางสาวบี กระทั่งมีการสั่งฟ้องและศาลตัดสินจำคุกจำเลย 2 ปี 8 เดือน และขณะนี้เรื่องอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ซึ่งสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.กาฬสินธุ์ไม่สามารถที่จะก้าวล่วงได้ เนื่องจากเรื่องยังอยู่ที่ศาล

อีกทั้งสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.กาฬสินธุ์มีหน้าที่สนองงานของคณะสงฆ์ ในการจัดกิจกรรมเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาต่างๆและประสานงานของภาครัฐกับคณะสงฆ์เท่านั่น ไม่มีอำนาจในการเข้าไปตรวจสอบหรือดำเนินการใดๆในเรื่องนี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน