ญาติปู่คออี้ รับเงินชดเชย 50,000 บาท คดีเจ้าหน้าที่อุทยานบุกเผาบ้าน และยุ้งข้าว

ญาติปู่คออี้ – เมื่อวันที่ 13.00 น. วันที่ 6 ธ.ค. ที่ศาลปกครองกลาง นายสุรพงษ์ กองจันทึก หัวหน้าคณะทำงานด้านกฎหมาย คดีเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เผาบ้านชาวกะเหรี่ยงดั้งเดิม บนพื้นที่อุทยาน นำชาวกะเหรี่ยงแก่งกระจาน 6 คน มารับเงินชดใช้ค่าเสียหาย ในคดีเผาบ้านกะเหรี่ยงแก่งกระจาน จากกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช หลังศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้ผู้ถูกฟ้องคดีชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้ฟ้องคดีทั้ง 6 คนเฉลี่ยประมาณรายละ 50,000 บาท

โดยเมื่อวันที่ 12 มิ.ย. ศาลปกครองกลาง ชั้น 3 ห้องพิจารณาคดีที่ 1 ศาลปกครองสูงสุด อ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ ส.58/2555 หมายเลขแดงที่ ส.660/2559 ระหว่าง นายโคอิ หรือคออี้ มีมิ ที่ 1 กับพวกรวม 6 คน ผู้ฟ้องคดี กับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ที่ 1 กับพวกรวม 2 คน ผู้ถูกฟ้องคดี

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่เพิ่มเพื่อน

จากการที่เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ปฏิบัติการตามโครงการขยายผลการอพยพผลักดัน จับกุมชนกลุ่มน้อยที่บุกรุกพื้นที่ตามแนวชายแดนไทย-สหภาพเมียนมาในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ครั้งที่ 4 บริเวณบ้านบางกลอยบนและบ้านใจแผ่นดิน ระหว่างวันที่ 4 ถึงวันที่ 9 พ.ค.54

โดยเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน นำโดยนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานในขณะนั้น ทำการรื้อถอนเผาทำลายสิ่งปลูกสร้าง และทรัพย์สินของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง รวมถึงของผู้ฟ้องคดีทั้ง 6 ด้วย รวมแล้วมีบ้านพักอาศัย และยุ้งฉางถูกจุดไฟเผา 98 หลัง

ปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ครั้งนั้น เป็นเหตุให้เมื่อวันที่ 4 พ.ค.55 นายโคอิ หรือคออี้ มีมิ กับพวกรวม 6 คน ซึ่งทั้งหมดเป็นชาวกะเหรี่ยงสัญชาติไทย และทำกินอยู่อาศัยมาเนิ่นนาน ได้รับความช่วยเหลือจากสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ได้ยื่นฟ้องกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1

และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ในฐานะหน่วยงานซึ่งกำกับดูแลอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานและนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานในขณะนั้น

ต่อมาวันที่ 7 ก.ย. ศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษาว่าการเผาบ้านและยุ้งฉางโดยเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานชอบด้วยกฎหมาย ส่วนการเผาทำลายเครื่องใช้ส่วนตัวเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้กรมอุทยานแห่งชาติฯชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้ฟ้องคดีทั้งหกเป็นเงินคนละ 10,000 บาท ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่คดีถึงที่สุด

จากคำตัดสินดังกล่าว ทำให้ผู้ฟ้องคดีทั้ง 6 คน ยื่นอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาดังกล่าวต่อศาลปกครองสูงสุด เนื่องจากผู้ฟ้องคดีเห็นว่าคำวินิจฉัยของศาลปกครองกลางยังมีความบกพร่องคลาดเคลื่อน และยังวินิจฉัยไม่ครบประเด็นตามคำฟ้องของผู้ฟ้องคดี เมื่อวันที่ 6 ต.ค.59

กระทั่งเมื่อวันที่ 12 มิ.ย. ตุลาการศาลปกครองสูงสุด อ่านคำพิพากษา คำพิพากษามีความยาวทั้งสิ้น 57 หน้า แต่ตุลาการผู้อ่านคำพิพากษาจะขออ่านเฉพาะในส่วนคำวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุด ซึ่งมีประเด็นสำคัญที่ศาลปกครองสูงสุดได้วินิจฉัยตามอุทธรณ์ของคู่กรณีใน 2 ประเด็น คือ

ประเด็นแรก สิทธิในการฟ้องคดีและการยื่นฟ้องคดีภายในระยะเวลาที่กำหนดหรือไม่ ซึ่งประเด็นนี้ศาลปกครองสูงสูดวินิจฉัยว่า ผู้ฟ้องคดีทั้ง 6 เป็นผู้ได้รับความเดือดร้อนเสียหายจากการใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานในการรื้อถอนเผาทำลายสิ่งปลูกสร้างและทรัพย์สินของผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 6 ผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 6 จึงมีสิทธินำคดีมาฟ้องต่อศาลปกครอง และผู้ฟ้องคดีทั้ง 6 ได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองภายใน 1 ปี นับแต่วันที่รู้หรือควรรู้ถึงเหตุแห่งการฟ้องคดีแล้ว

ส่วนประเด็นที่ 2 เป็นการวินิจฉัยว่าการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานในการรื้อถอน เผาทำลายสิ่งปลูกสร้างและทรัพย์สินของผู้ฟ้องคดีทั้ง 6 เป็นการละเมิดต่อผู้ฟ้องคดีทั้ง 6 หรือไม่ และหากเป็นการละเมิด จะต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเพียงใด ซึ่งในประเด็นนี้ ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า การปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นการละเมิดต่อผู้ฟ้องคดีทั้ง 6 ให้ชดใช้ค่าเสียหายรายละเฉลี่ยประมาณ 50,000 บาท

คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดได้ระบุสรุปไว้ว่า

1.บ้านบางกลอยบนและบ้านใจแผ่นดินเป็นชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิมของกลุ่มชาติพันธ์กะเหรี่ยง (ปกาเกอะญอ) ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน

2.การกระทำของพนักงานเจ้าหน้าที่ รื้อถอนเผาทำลายสิ่งปลูกสร้างและทรัพย์สินเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ได้แก่

– เป็นการกระทำโดยรู้สำนึกถึงผลเสียหายที่จะเกิดจากการกระทำดังกล่าว
– เป็นการใช้อำนาจเกินความจำเป็นไม่สมควรแก่เหตุ
– ไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนหรือวิธีการอันเป็นสาระสำคัญที่กำหนดไว้สำหรับการใช้อำนาจของพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 22 พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504
– ไม่ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 ส.ค.2553 เรื่องแนวนโยบายในการฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยง ในส่วนการจัดการทรัพยากร ที่ให้ยุติการจับกุมและให้ความคุ้มครองกับชุมชนกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยง ที่เป็นชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิมที่อยู่ในพื้นที่ข้อพิพาทเรื่องที่ทำกินในพื้นที่ดั้งเดิม

3.ความเสียหายเป็นการกระทำละเมิดที่เกิดจากการปฎิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่

____________________________________________________________________

อ่านข่าวเกี่ยวกับปู่คออี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน