7 ปี การต่อสู้คดีเผาบ้าน ปู่คออี้ สูญเสีย 3 ชีวิต ทั้งลูกชาย และบิลลี่ หลานชายที่หายลึกลับ

ปู่คออี้ มีมิ หรือชื่อตามบัตรประชาชนไทย คือ นายโคอิ มีมิ อายุ 107 ปี ผู้จิตวิญญาณของชาวกะเหรี่ยงแก่งกระจาน เกิดเมื่อพ.ศ.2454 เสียชีวิตลงอย่างสงบเมื่อช่วงเช้าที่โรงพยาบาลพระจอมเกล้า จ.เพชรบุรี เมื่อเวลา 04.14 น. ของช่วงเช้าที่ผ่านมา

ปู่คออี้ เป็นที่รู้จักของผู้คนในวงกว้างหลังออกมาร้องเรียนเรื่องที่ถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ขึ้นไปเผาบ้านและยุ้งข้าว ที่บ้านบางกลอยบน หรือใจแผ่นดิน เมื่อปีพ.ศ.2554 ทั้งยังถูกกล่าวหาว่าเป็นชนกลุ่มน้อยจากฝั่งพม่าที่พัวพันกับยาเสพติด ผลจากการเผาบ้านทำให้ปู่ต้องลงมาอาศัยอยู่กับลูกหลานที่บ้านบางกลอย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ภาครัฐจัดสรรไว้ให้

ปู่คออี้ มีมิ

ปู่คออี้ มีมิ

ในช่วงต้นเดือนกันยายน พ.ศ.2554 ปู่คออี้ ลงมาให้ข้อเท็จจริงกับนักกฎหมายของสภาทนายความ ถึงเรื่องราวการเผาบ้าน โดยปู่ยืนยันว่าอาศัยอยู่ในพื้นที่มาอย่างยาวนาน ไม่ใช่คนที่ข้ามมาจากฝั่งพม่า และไม่ได้ตัดไม้ทำลายป่าเหมือนที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด

ให้หลัง 1 สัปดาห์ หลังการให้ข้อมูลครั้งแรกของปู่คออี้ นายทัศน์กลม โอบอ้อม หรือ “อาจารย์ป๊อด” อดีตผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดเพชรบุรี ผู้ที่นำชาวบ้านลงมาร้องเรียนเรื่องที่ถูกเผาบ้าน ถูกมือปืนลอบยิงจนเสียชีวิต โดยการสังหารครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจให้ความสำคัญกับประเด็นที่นายทัศน์กมล เป็นผู้ประสานงาน ช่วยเหลือชาวกะเหรี่ยงดั้งเดิมที่ถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน อพยพ ผลักดันออกจากป่า ซึ่งร้องเรียนว่าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการอย่างรุนแรง ไปยังสภาทนายความและกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ

ปู่คออี้ลงมาร้องเรียนเรื่องที่ถูกเผาบ้าน ต่อสภาทนายความ

ปู่คออี้ลงมาร้องเรียนเรื่องที่ถูกเผาบ้าน ต่อสภาทนายความ

หลัง อาจารย์ป๊อดเสียชีวิต ชาวบ้านยังคงเดินหน้าให้ข้อมูลกับนักกฎหมายจากสภาทนายความอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดียังคงมีเหตุร้ายเกิดขึ้นกับปู่คออี้อย่างต่อเนื่อง ไม่นานหลังจากย้ายลงมาอยู่ที่บ้านบางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี นอสะ ลูกชายของปู่ ได้เสียชีวิตลง

จากนั้นในวันที่ 17 เม.ย. พ.ศ.2557 บิลลี่ พอละจี รักจงเจริญ หลานชายของปู่ ได้หายตัวไปอย่างลึกลับ หลังถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ควบคุมตัว ซึ่งบิลลี่ ถือเป็นบุคคลสำคัญที่คอยประสานงานกับนักกฎหมาย ในคดีฟ้องเจ้าหน้าที่อุทยาน เผาบ้านและยุ้งข้าว

บิลลี่ พอละจี รักจงเจริญ

บิลลี่ พอละจี รักจงเจริญ

กระทั่งวันที่ 7 ก.ย.2559 ศาลปกครองมีคำพิพากษา ให้กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช ผู้ถูกฟ้องคดี ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้ชาวบ้านบางกลอยคนละ 10,000 บาท ภายใน 30 วัน ส่วนการรื้อถอนด้วยการเผาทำลายเพิงพัก และยุ้งฉาง ศาลตัดสินว่า เป็นการใช้อำนาจโดยชอบของพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 22 แห่ง พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 ทั้งนี้ในวันนั้น ปู่คออี้ และชาวบ้าน ผู้ฟ้องคดีที่มาร่วมฟังคำพิพากษา ไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินดังกล่าว ได้มอบอำนาจให้ทนายความยื่นอุทธรณ์

และในวันที่ 12 มิ.ย. ศาลปกครองสูงสุด ได้แก้คำพิพากษาของศาลปกครอง ให้กรมอุทยานฯ ชดใช้ให้กับปู่คออี้ และชาวบ้านรวม 6 คน เป็นเงิน 51,407 – 45,302 บาท พร้อมทั้งระบุว่า การขึ้นไปเผาบ้านของชาวบ้านเป็นการใช้อำนาจเกินความจำเป็นไม่สมควรแก่เหตุ รวมถึงไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนหรือวิธีการอันเป็นสาระสำคัญที่กำหนดไว้ ตามมาตรา 22 แห่ง พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504

รดน้ำร่างไร้วิญญาณ ของปู่คออี้

รดน้ำร่างไร้วิญญาณ ของปู่คออี้

แม้ที่สุดการต่อสู้ในคดีเผาบ้านและยุ้งข้าวของปู่คออี้ จะจบลงที่ผู้ถูกฟ้องคดีต้องจ่ายเงินชดเชย ให้ผู้ฟ้องคดีทั้ง 6 คน รวมทั้งปู่คออี้ คนละประมาณ 50,000 บาท แต่ทว่าสิ่งที่ปู่คออี้ต้องการที่สุดคือการได้กลับไปใช้ชีวิตบนใจแผ่นดิน บ้านเกิดที่ปู่ใช้ชีวิตอยู่บนนั้นมาตั้งแต่เกิด

ตลอดระยะเวลา 7 ปี นอกจากต้องพลัดพรากจากถิ่นเกิดแล้ว ยังต้องสูญเสียทั้งลูกชาย หลานชาย และผู้ที่นำชาวบ้านมาร้องเรียน

วันนี้ ปู่คออี้ จากไปแล้ว เรื่องน่าเศร้าอย่างยิ่งคือ ในวาระสุดท้ายของชีวิต ปู่ไม่ได้กลับคืนสู่ถิ่นเกิดตามที่ต้องการ

__________________________________

ข่าว ปู่คออี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน