สาวเหยื่อ ไอ้หื่นทุบหัว หวังข่มขืนกลางสวนยาง เจอภาวะแท้งคุกคามซ้ำ หมอชี้ลูกมีโอกาสรอดแค่ 50% ผัวทุกข์ใจเลือดตกค้างยังไหลออกมา เมียเปลี่ยนไป หวาดกลัว เงียบขรึม ไม่กล้าออกไปไหน วอน ตร.ชั้นผู้ใหญ่ ให้ความยุติธรรม

ไอ้หื่นทุบหัว จากกรณี น.ส.เอ (นามสมมติ) อายุ 23 ปี ถูกคนร้ายบุกใช้ไม้ทุบต้นคอแล้วพยายามข่มขืน แต่ฮึดสู้จนหนีรอดมาได้ เหตุเกิดภายในสวนยางพารา พื้นที่รับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปะเหลียน จ.ตรัง เมื่อวันที่ 14 พ.ย.ที่ผ่านมา ก่อนที่ตำรวจจะจับคนร้ายได้แล้วได้รับการประกันตัวออกไป

เมียถูกภาวะแท้งคุกคาม

ล่าสุดวันที่ 16 ธ.ค. สามีของ น.ส.เอ ได้เข้าร้องทุกข์กับผู้สื่อข่าวว่า ภรรยาตนไม่สบายเมื่อขับรถพาไป ร.พ.ปะเหลียน หมอบอกว่าภรรยาท้องได้เดือนกว่าๆ แล้ว มีอาการลงเลือดมา 4 วัน ต้องแอดมิดนอน ร.พ.ปะเหลียน 2 คืน วันนี้เพิ่งออกจากโรงพยาบาลแต่ยังไม่แท้ง แต่หมอบอกว่า 50-50 ห้ามเดินห้ามเคลื่อนไหวเยอะ เป็นอาการแท้งแบบคุกคาม

ตนอยากหาคนปรึกษาเรื่องคดีของภรรยา ประเด็นคือเลือดที่ไหลออกมาเป็นเลือดเก่าที่ตกค้างอยู่ภายใน ซึ่งอาจเป็นอาการช้ำในจากการโดนคนร้ายทุบ ก็เลยจะปรึกษาว่าสามารถไปให้ปากคำเพิ่มเติมได้หรือไม่ จะให้ตำรวจเพิ่มโทษและข้อหาในคดีนี้ ไม่ใช่แค่ทำร้ายร่างกาย ตอนนี้ตนพาภรรยาไปฝากท้องแล้วที่ ร.พ.สต.บ้านหนองหว้า อ.ปะเหลียน ขอได้แต่ภาวนาว่าให้ลูกในท้องปลอดภัย

ลูกมีโอกาสรอดแค่ 50%

ขณะที่ น.ส.เอ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุตนรู้สึกเหมือนมีประจำเดือนมาตลอดเวลา จากการอัลตร้าซาวด์พบว่าลูกแท้งแต่เป็นการแท้งแบบคุกคาม ซึ่งเด็กมีโอกาสรอด 50% เนื่องจากไม่ได้ยินเสียงหัวใจ แต่เด็กยังมีชีวิตอยู่ หมอสั่งว่าไม่ให้ตนไปไหนไม่ให้ทำอะไร จากการตรวจยังพบว่ามีเลือดเป็นสีดำตกค้างช้ำเลือดที่เกิดจากการทุบตี

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

และวันที่ 24 ธ.ค.นี้ หมอนัดตรวจครรภ์อีกที ตนเห็นว่าคนร้ายถูกคุมตัวมาไม่ต้องใส่กุญแจมือและปล่อยตัวออกไปได้โดยไม่ต้องประกันตัว ตนจำลักษณะรูปร่าง หรือการแต่งตัวของผู้ร้ายได้อย่างครบถ้วนก็ตาม แม้ตอนแรกผู้ต้องหายังคงปฏิเสธ และให้การยอมรับสารภาพในเวลาต่อมา แต่ตำรวจเมินเฉยและปล่อยตัวกลับบ้านตนยังรู้สึกกลัวทุกวัน

แม่หวังให้คนผิดมารับกรรม

ขณะที่ นางปราณี (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 49 ปี แม่ของผู้เสียหาย กล่าวว่า ตนคิดว่าต้องมีคนในพื้นที่มีส่วนรู้เห็น ตำรวจได้สอบปากคำแล้วก็ปล่อย ตนไม่ได้ต้องการอะไรเพียงอยากให้คนผิดได้รับกรรมบ้าง หากคนร้ายยังลอยนวลอยู่ เกรงว่าจะไปทำคนอื่นอีก หรือเพราะครอบครัวเราเป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่รู้จักคนใหญ่คนโต ซึ่งตอนนี้ลูกสาวดูเปลี่ยนไปมากไม่เหมือนคนเดิม

ตร.ที่ทำคดีกลับเงียบกริบไม่โทรบอกความคืบหน้า

หลังจากเกิดเหตุกลายเป็นคนเงียบขรึม ทำงานไม่ไหว ขวัญเสีย หยุดกรีดยางมาตั้งแต่วันเกิดเหตุ เป็นแรมเดือนแล้วไม่มีรายได้เนื่องจากหวาดกลัว ไปจ้างเขากรีดยางให้ก็ไม่มีใครกล้า ตำรวจไม่เคยโทรมาคุย เงียบกริบ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้รับปากว่าหากมีความคืบหน้าจะโทรมาแจ้งแต่ก็เงียบหาย ส่วนกลุ่มคนร้ายที่สมรู้ร่วมคิดได้ย้ายไปอยู่แถว จ.เชียงราย หมดแล้ว เพราะรู้ว่าญาติๆ ของตนไม่พอใจ

นางปราณี กล่าวอีกว่า ความรู้สึกแรกหลังจากที่รู้ว่าลูกสาวถูกทำร้าย เหมือนหัวใจแทบสลาย เลี้ยงดูมาอย่างทะนุถนอมพอทราบ ข่าวลูกสาวถูกคนร้ายทุบตีและพยายามจะข่มขืนเข่าทรุดเลย และที่ผ่านมาจะมีคนมาถามความคืบหน้าของคดี ตนก็บอกว่าไม่ได้อะไรเลย เพราะตำรวจเฉยกันหมดไม่ได้รับข่าวอะไร

ฝากผู้ใหญ่บ้านเมืองดูแลคดี

อยากฝากถึงผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ฝากตำรวจชั้นผู้ใหญ่เป็นหูเป็นตาและช่วยลงมาดูแลคดีเอาผิดคนร้ายให้ถึงที่สุด อยากให้ลงโทษให้หนักอย่างจริงจัง อย่าให้คนชั่วต้องลอยนวล เพราะรู้หมดว่าเป็นใครแต่ทำไมยังปล่อยตัวไม่ รู้ว่าสาเหตุอยากรู้ว่าเพราะอะไรถึงได้ปล่อยตัวไป ก่อนจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหวไหลอาบแก้ม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน