จับแล้วหนุ่ม ฆ่าน้องเขย มัดมือ-เท้า อุ้มขึ้นรถตู้ยิงทิ้งซอยเปลี่ยว อ้างแค้นเคยถูกแก๊งยารุมทำร้าย สงสัยผู้ตายเป้นสายให้แก๊งยาเสพติด รวมทั้งยังมีพฤติกรรมติดยาเสพติดด้วย

ฆ่าน้องเขย จากกรณีพบศพชายถูกยิงจนเสียชีวิต แล้วมัดมือมัดเท้า และคอ ก่อนนำษพมาทิ้งไว้บริเวณริมถนน หมู่ 11 ต.กรับใหญ่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมา จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ลงพื้นที่สืบสวนหาข่าว กระทั่งทราบว่าผู้ตายคือ นายสุพจน์ เกสรบัว อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 38/1 บ้านหนองเสือ หมู่ 6 ต.กรับใหญ่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น อ่านข่าว ฆ่าโหด มัดมือ-เท้า ซ้อมจนน่วม จ่อยิงซ้ำทะลุอก ใส่ปิกอัพหิ้วมาทิ้งซอยเปลี่ยว

ความคืบหน้าล่าสุดวันที่ 18 ธ.ค. พล.ต.ท.ศักดา ชื่นภักดี ผู้ช่วย ผบ.ตร., พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์ ผบช.ภ.7, พล.ต.ต.กฤษณะ ทรัพย์เดช รอง ผบช.ภ.7, พล.ต.ต.สงวน โรงสะอาด ผบก.สส.ภ.7, พล.ต.ต.อนุภาพ ศรีนวล ผบก.ภ.จว.ราชบุรี, พ.ต.อ.เอกรินทร์ อิทธิวัฒนะ ผกก.สส.ภ.7, พ.ต.อ.โชติช่วง ภาณุทัต ผกก.สส.ภ.จว.ราชบุรี, พ.ต.อ.สุรวุฒิ เจริญจิตร ผกก.สภ.กรับใหญ่ จ.ราชบุรี ร่วมกันแถลงจับกุม นายกิตติพัฒน์ ไพริน อายุ 27 ปี ชาว จ.สระแก้ว ทำหน้าที่เป็นคนขับรถไปรับผู้ตายออกจากบ้านพักและนำศพไปทิ้ง และ นายสมเกียรติ แจ่มจันทร์ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20/1 หมู่ 6 ต.หนองกระทุ่ม อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี คนลงมือลั่นไก พร้อมของกลาง อาวุธปืนลูกโม่ขนาด .38 พร้อมเครื่องกระสุนปืน 15 นัด รถตู้โตโยต้า สีขาว หมายเลขทะเบียน ฮฐ 3508 กทม.

พ.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวว่า หลังเกิดเหตุตำรวจชุดสืบสวน สภ.กรับใหญ่ ชุดสืบสวน ภ.จว.ราชบุรี และ ชุดสืบสวน บช.ภ.7 ได้ตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดก็พบรถตู้โตโยต้าคันดังกล่าว ถอยออกมาจากจุดเกิดเหตุด้วยความรวดเร็ว ประกอบกับมีพลเมืองดีพบเห็นรถตู้สีขาวและรู้สึกผิดสังเกตที่รถตู้คันนี้จะขับเข้ามาเป็นประจำ

เจ้าหน้าที่จึงได้ไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ติดไว้ตามจุดต่างๆ โดยรอบ จนกระทั่งไปพบในจุดที่รถตู้เข้าไปรับผู้ตายในบ้านที่พัก ซึ่งเป็นคันเดียวกันกับที่ปรากฏในภาพที่เกิดเหตุ จึงได้นำทะเบียนรถไปตรวจสอบ พบว่าเป็นของบริษัทแห่งหนึ่งสำหรับให้เช่าบริการ โดยมีบริษัทรับเหมาก่อสร้างเป็นคู่สัญญาเช่า ซึ่งมี นายกิตติพัฒน์ เป็นคนขับรถให้กับบริษัทรับเหมา จึงนำตัวมาสอบปากคำ

นายกิตติพัฒน์ ให้การโดยอ้างว่า ตนมีความสนิทสนมกับนายสมเกียรติ เนื่องจากเคยทำงานที่เดียวกัน และชอบไปมาหาสู่กับเป็นประจำ ก่อนเกิดเหตุตนขับรถเข้าไปหา นายสมเกียรติ ขณะนั้นเห็น นายสมเกียรติ มีปากเสียงกับผู้ตาย ซึ่งเป็นน้องเขย ด้วยความโมโห นายสมเกียรติ จึงจับผู้ตายมัดมือมัดเท้าแล้วอุ้มขึ้นรถตู้ของตน พร้อมกับใช้แหมัดปากเพื่อไม่ให้ส่งเสียงดัง จากนั้นตนจึงขับรถออกไป แล้วได้ลงมือทำร้ายร่างกาย ชกต่อย เอาปืนตบจนสลบ แล้วลากลงจากรถตู้ ก่อนใช้ปืนยิงจนเสียชีวิต

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

พ.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าวต่อว่า เมื่อตำรวจได้ตัว นายกิตติพัฒน์ แล้ว จึงขยายผลจับกุม นายสมเกียรติ ได้ที่อพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่ง ในพื้นบางกะปิ กทม. โดยทั้ง 2 คน ให้การรับสารภาพว่าลงมือก่อเหตุจริง โดยอาวุธปืนที่ใช้ในการก่อเหตุซ่อนอยู่ที่รถตู้ โดยจอดทิ้งไว้ในซอยปุณณวิถี 43 ถนนสุขุมวิท 101 จึงติดตามไปยึดไว้ดังกล่าว

“ส่วนมูลเหตุจูงใจนั้น นายสมเกียรติ อ้างว่า ผู้ตายมีพฤติกรรมเกี่ยวพันกับยาเสพติด โดยส่วนตัวและครอบครัวไม่มีใครอยากเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และจะมีปัญหาทะเลาะกันบ่อยครั้งในเรื่องนี้มาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากตัว นายสมเกียรติ มีอคติเกี่ยวกับกลุ่มยาเสพติด เพราะเคยถูกรุมทำร้ายแต่หลบหนีเอาชีวิตรอดมาได้ ทั้งมีความโกรธแค้นคิดว่าผู้ตายเป็นสายให้กับกลุ่มยาเสพติด ซึ่งในใจคิดว่าจะฆ่าหรือไม่ฆ่าดี แต่หากปล่อยให้มีชีวิตรอดอาจเป็นภัยมาถึงตัวเอง จึงตัดสินใจใช้อาวุธปืนยิงจนเสียชีวิต จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวทั้ง 2 คน ไปดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป” พ.ต.อ.สุรวุฒิ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน