ชาวสบเมยสืบชะตาสาละวิน ผู้อาวุโสกังวลน้ำเปลี่ยนเส้นทาง หวั่นลางไม่ดี แนะควรยกเป็นมรดกโลก

เมื่อวันที่ 14 มี.ค. ที่บริเวณริมแม่น้ำสาละวินบ้านสบเมย อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน ชาวบ้านชุมชนบ้านสบเมย ร่วมกันจัดงานสืบชะตาแม่น้ำ เนื่องในวันหยุดเขื่อนโลก โดยมีพิธีกรรมทางศาสนาพุทธ คริสต์ และพิธีดั้งเดิมของชาวปกาเกอะญอ ซึ่งมีชาวบ้านและเครือข่ายภาคประชาชนมาร่วมกว่า 100 คน

นายเยบือ ษมาจิตผล หรือพะตีเยบือ วัย 70 ปี ผู้อาวุโสประจำชุมชน เปิดเผยว่า ในทุกๆปีชาวบ้านร่วมกันจัดงานตามความเชื่อดั้งเดิมของชาวปกาเกอะญอ โดยการเลี้ยงผีและขอขมาแม่น้ำ นอกจากนี้ต้องการให้ลูกหลานได้สืบต่อพิธีกรรมดั้งเดิมที่บรรพชนทำมา

และในปีนี้ชาวบ้านรู้สึกกังวลใจ เพราะร่องน้ำในแม่น้ำเมยที่ไหลมาบรรจบกับแม่น้ำสาละวินที่ได้เปลี่ยนเส้นทางจากเดิมเคยไหลชิดในฝั่งพม่า แต่ปีนี้กลับไหลชิดฝั่งไทยซึ่งมีความเชื่อว่าเป็นลางบอกเหตุในสิ่งไม่ดี และแม่น้ำเมยไม่เคยเปลี่ยนเส้นทางน้ำเช่นนี้มานับสิบปี ดังนั้นจึงต้องเลี้ยงผีและขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อไม่ให้มีเรื่องร้ายๆเกิดขึ้น

ไม่พลาดข่าวสำคัญ แค่กดเป็นเพื่อนกับ ไลน์@ข่าวสด ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

พะตีเยบือกล่าวว่า แม่น้ำสาละวินเป็นเส้นเลือดที่สำคัญของชาวบ้านเพราะนอกจากหล่อเลี้ยงให้ทุกคนได้มีอยู่มีกินแล้ว ยังเชื่อมโยงให้พี่น้องปกาเกอะญอให้ไป-มาหากันไม่ว่าจะอยู่ฝั่งไหน ดังนั้นชาวบ้านจึงไม่เห็นด้วยที่หากจะมีการกั้นสร้างเขื่อนเพราะจะทำลายทุกสิ่งทุกอย่างและจะเกิดความขาดแคลนขึ้น

พวกเราได้หาปลากิน ปลูกพืชริมน้ำเลี้ยงครอบครัว และเป็นรายได้ส่งลูกหลานไปเรียนหนังสือในเมือง ถ้าไม่มีสิ่งเหล่านี้พวกเราก็ไม่รู้จะอยู่กันอย่างไร”พะตีเยบือ กล่าว

นายนิวัฒน์ ร้อยแก้ว ประธานกลุ่มรักษ์เชียงของ จ.เชียงราย ซึ่งนำชาวบ้านริมแม่น้ำโขงมาร่วมให้กำลังใจ กล่าวว่า อยากให้บทเรียนของแม่น้ำโขงเป็นตัวอย่างของสาละวินเพราะเป็นแม่น้ำใหญ่เช่นเดียวกัน แต่แม่น้ำโขงมีเขื่อนกั้นมากมาย ส่งผลกระทบกับชาวบ้านจนไม่สามารถหาอยู่หากินได้เหมือนเมื่อก่อน ทั้งสิ่งแวดล้อมและวิถีวัฒนธรรมของชุมชนแม่น้ำโขงถูกทำลาย

ดังนั้นจึงต้องตระหนักเพื่อไม่ให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นในแม่น้ำสาละวินอีก เพราะชาวบ้านริมสาละวินต้องพึ่งพิงทรัพยากรธรรมชาติเป็นหลัก และแม่น้ำสาละวินมีความหลากหลายของกลุ่มชาติพันธุ์ และยังมีการสู้รบในบางพื้นที่ ทำให้เกิดปัญหาความมั่นคงในการดำรงชีวิต ดังนั้นหากแม่น้ำถูกทำลายลงไปอีกก็ยิ่งเป็นการซ้ำเติมชาวบ้าน

“เห็นได้ว่าโครงการขนาดใหญ่บนแม่น้ำโดยเฉพาะเขื่อนนั้นล้มเหลวแทบทุกที่ เราควรปล่อยให้แม่น้ำไหลอิสระเพื่อความอุดมบูรณ์ อย่ามาอ้างว่าสร้างเขื่อนเพื่อได้พลังงานบริสุทธิเพราะมันไม่จริง ที่สำคัญเรายังมีแหล่งพลังงานอื่นที่เป็นทางเลือกมากมาย”นายนิวัฒน์ กล่าว

เมื่อถามถึงกรณีที่รัฐบาลไทยกำลังดำเนินโครงการผันน้ำจากลุ่มน้ำสาละวินไปยังเขื่อนภูมิพล นายนิวัฒน์กล่าวว่า ประเทศไทยมีปัญหาเรื่องบริหารจัดการน้ำ รวมทั้งพฤติกรรมการใช้น้ำ ดังนั้นควรแก้ไขตรงนี้ก่อนดีกว่า เพราะแม้จะเป็นการผันน้ำแต่การที่ปริมาณน้ำเปลี่ยนแปลงผิดธรรมชาติย่อมส่งผลกระทบตามมามากมายซึ่งเป็นเรื่องใหญ่เพราะไม่สอดคล้องกับภูมินิเวศที่เคยเป็นมา

นายประยูร ลุกอง อายุ 69 ปี ผู้อาวุโสชาวเชียงของ ซึ่งเดินทางมาร่วมงานกล่าวว่า จริงๆแล้วแม่น้ำสาละวินควรยกระดับให้เป็นมรดกโลก เพราะเป็นแม่น้ำสายเดียวที่ยังไม่มีเขื่อน และมีความหลากหลายของกลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยแม่น้ำสายนี้ หากประเทศต่างๆในภูมิภาคเอเชียงตะวันออกเฉียงใต้ ร่วมกันผลักดันก็จะเป็นตัวอย่างที่ดีในการร่วมกันดูแลทรัพยากรแหล่งนี้ไว้ให้ลูกหลาน และสะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือในเรื่องดีๆของอาเซียนที่ไม่ถือว่าใครเป็นเจ้าของแม่น้ำ

ขณะที่ นายพงษ์พิพัฒน์ มีเบญจมาศ ผู้ประสานงานเครือข่ายชุมชนลุ่มน้ำสาละวิน กล่าวว่าชาวบ้านเห็นด้วยที่จะเสนอให้แม่น้ำสาละวินเป็นมรดกโลกซึ่งเรื่องนี้เคยมีการหารือกัน แต่เงียบหายไป โดยแม่น้ำสายนี้มีความเหมาะสมที่จะเป็นมรดกโลกมาก เพราะตลาดทั้งลำน้ำเป็นที่อยู่ของกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมที่สุดแห่งหนึ่งในโลก

นอกจากนี้ยังมีความอุดมสมบูรณ์ในเรื่องทรัพยากรต่างๆ โดยเฉพาะป่าไม้ที่ชาวบ้านยังดูแลรักษาไว้ได้ดีในระดับต้นของประเทศไทย ซึ่งในปัจจุบันบริเวณตอนเหนือของแม่น้ำสาละวินที่อยู่ในประเทศจีนนั้นได้กลายเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติไปแล้ว ดังนั้นจึงน่าจะเชื่อมต่อให้มีมรดกโลกตลอดลำน้ำ

ด้าน นายพฤ โอโดเชา ตัวแทนเครือข่ายกะเหรี่ยงภาคเหนือ กล่าวภายหลังร่วมงานว่า เคยได้ยินแต่เรื่องราวของคนในแม่น้ำสาละวินที่เป็นคนต้นน้ำแตกต่างจากพื้นที่ที่ตนอยู่ที่เป็นแม่น้ำสายเล็ก ตนได้เห็นพิธีเลี้ยงผีสบน้ำสำหรับคนต้นน้ำ

ชีวิตของเขามีเรือนแพผูกพันกับน้ำถือว่าเป็นชีวิตที่สมบูรณ์ทั้งในน้ำและบนบก โดยชาวบ้านเข้าใจเกาะแก่งและหินอย่างดี รวมทั้งการปลูกพืชผักซึ่งเป็นรายได้สำคัญเพราะมีดินที่เกิดจากตะกอนอันสมบูรณ์ แต่มีปัญหาคือภาครัฐมาจ้างปลูกต้นสักทับที่ของชาวบ้าน

“หากมีเขื่อนและน้ำท่วมสูงขึ้นทุกคนต่างไม่เห็นด้วย เพราะจะไม่เหลือชีวิตชุมชนที่มีความสุขอีกต่อไป คนกะเหรี่ยงอยู่ได้เพราะธรรมชาติ หากรัฐหรือใครมาแย่งชิงผืนดินผืนน้ำไปก็เท่ากับเป็นการฆ่าชาวกะเหรี่ยง เพียงแต่ไม่ได้ฆ่าแบบมีเลือดออกมา แต่ฆ่าด้วยความเลือดเย็น ค่อยๆตายไป”นายพฤ กล่าว

ทั้งนี้ในวันเดียวกันในรัฐต่างๆตลอดลำน้ำสาละวิน ต่างจัดงานวันหยุดเขื่อนโลก ทั้งในรัฐฉาน รัฐกะเหรี่ยง รัฐคะเรนนี และรัฐมอญ โดยแม่น้ำสาละวินเป็นแม่น้ำนานาชาติสายสำคัญในโลกที่ยังคงไหลอย่างอิสระ จากต้นน้ำที่ทิเบต จีน ลงจนถึงปากแม่น้ำที่มะละแหม่ง รวมความยาวทั้งสิ้นประมาณ 2,800 กิโลเมตร

อ่าน ชาวกะเหรี่ยง-ไทใหญ่ ร่วมแสดงพลังปกป้องแม่น้ำสาละวิน จี้หยุดเขื่อนทำลายระบบนิเวศน์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน