จ่อหมายจับทีมคาร์บอมบ์บิ๊กซีปัตตานี พบเชื่อมโยงเหตุบึ้มโรงแรมดังเมื่อปีที่แล้ว ตรวจสอบพบวางระเบิด 2 จุด แห่งแรกรั้วด้านนอกและจอดคาร์บอมบ์หน้าห้าง ใช้ระเบิดซุกถังแก๊สหนัก 100 ก.ก. จุดชนวนด้วยวิทยุ-ตั้งเวลา พบใช้วิธีประกอบบึ้มไว้ก่อนแล้ววางในรถ ด้านผบช.ศชต.ชี้คนร้ายมุ่งจนท. ไม่ได้หวังทำร้ายชาวบ้าน พบลานจอดบิ๊กซีแห่งนี้เคยโดนบึ้มเมื่อปี 2548 สั่งจัดทีมควานหาหนุ่มเจ้าของปิกอัพโดนปล้น เจอสัญญาณมือถืออยู่ที่หนองจิก ส่วนคนเจ็บยังพักฟื้นอีก 23 คน ในจำนวนนี้ยังสาหัส 3 ผู้ว่าฯสั่งตั้งศูนย์เยียวยา นราฯ-ยะลา-สงขลา-สมุยสั่งคุมเข้ม ในหลวงทรงห่วงใยเหยื่อคาร์บอมบ์ มอบดอกไม้-สิ่งของพระราชทาน

จากเหตุคนร้ายลอบวางคาร์บอมบ์ถล่มห้างสรรพสินค้า บิ๊กซี สาขาเมืองปัตตานี ส่งผลให้ชาวบ้านบาดเจ็บ 61 คน เมื่อตรวจสอบพบคนร้ายวางระเบิดก่อน 1 ลูก จากนั้นจึงระเบิดคาร์บอมบ์บริเวณหน้าห้าง โดยวงจรปิดจับภาพ 2 คนร้ายขณะขับรถมาจอด ก่อนมีคนร้ายอีก 2 คนขี่รถจักรยานยนต์พาหลบหนี ซึ่งวันเกิดเหตุเป็นวันที่ชาวบ้านมาจับจ่ายเปิดเทอม ทำให้ชาวบ้านและเด็กบาดเจ็บจำนวนมาก ส่วนรถกระบะพบเป็นรถขายผ้าใบที่โดนปล้นมา โดยยังไม่ทราบชะตากรรมหนุ่มเจ้าของรถ ตามที่เคยเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ในหลวงทรงห่วงเหยื่อคาร์บอมบ์

เมื่อวันที่ 10 พ.ค. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยถึงอาการบาดเจ็บของราษฎร ที่ประสบเหตุจากการที่คนร้ายลอบวางระเบิดรถยนต์ บริเวณห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาปัตตานี ต.รูสะมิแล อ.เมืองปัตตานี ซึ่งมี ผู้บาดเจ็บจำนวนมาก และเข้ารักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลต่างๆ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พล.อ.อ.เกษม อยู่สุข หัวหน้าสำนักงานราชเลขานุการในพระองค์ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นผู้แทนพระองค์ เดินทางไปมอบดอกไม้และสิ่งของพระราชทาน เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ รวมทั้งพระราชทานความช่วยเหลือเพิ่มเติมให้ผู้บาดเจ็บ จากเหตุการณ์ดังกล่าวที่ร.พ.ปัตตานี และร.พ. สงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่

ควานหาหนุ่มเจ้าของปิกอัพ

สำหรับความคืบหน้าทางคดี ที่บก.ภ.จว.ปัตตานี พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมแก้ไขสถานการณ์และคลี่คลายเหตุคาร์บอมบ์ โดยมีพล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ศชต. นาย วีรนันทร์ เพ็งจันทร์ ผวจ.ปัตตานี พล.ต.ต. ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบก.ภ.จว.ปัตตานี ร่วมหารือ ซึ่งในที่ประชุมได้นำภาพคนร้ายที่ถูกบันทึกได้จากกล้องวงจรปิดของห้างบิ๊กซี ทั้งก่อนและหลังเกิดเหตุ พร้อมขยายผลจากพยานหลักฐาน ในเบื้องต้นว่ามีความเชื่อมโยงกับคดีที่เกิดขึ้นในพื้นที่ใดบ้าง

ขณะที่รถกระบะที่คนร้ายก่อเหตุนั้น ตรวจสอบแล้วเป็นของนายนุสน ขจรดำ ชาวยะลา โดยเจ้าหน้าที่สอบถามภรรยาที่บ้านพัก ระบุว่านายนุสนมีอาชีพทำหลังคาผ้าใบ ได้ออกจากบ้านเมื่อตอนสายวันที่ 9 พ.ค. เพื่อมาทำงานที่จ.ปัตตานี และไม่ได้ติดต่ออีกเลยจนมีเจ้าหน้าที่มาที่บ้าน เมื่อตรวจสอบวงจรปิดล่าสุดพบอยู่บนถนนสายยะลา-ปัตตานี เขต อ.หนองจิก ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถติดต่อได้ ทางพล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบก.ภ.จว.ปัตตานี จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนและสภ.หนองจิก ประสานผู้นำท้องถิ่นให้ค้นหานายนุสน เนื่องจากหลังเกิดเหตุได้มีการติดตามสัญญาณโทรศัพท์มือถือ พบมีการใช้มือถือและขาดการติดต่อ บริเวณต.มะพร้าวต้นเดียว อ.หนองจิก ซึ่งเชื่อว่านายนุสนอาจถูกคนร้ายลวงให้มาติดตั้งผ้าใบ โดยตอนนี้ยังไม่ทราบชะตากรรม

พบใช้ระเบิดถังแก๊ส 100 ก.ก.

ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดและเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานกว่า 30 นาย เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุเพิ่มเติม เบื้องต้นพบคนร้ายประกอบระเบิดแสวงเครื่องไว้ก่อนและนำมาส่งไว้ในรถเท่านั้น โดยจุดแรกบริเวณปากทางเข้าลานจอดรถ พบภาชนะบรรจุชิ้นส่วนโลหะ ระบบการจุดระเบิดด้วยระบบไฟฟ้าแบบตั้งเวลา แบตเตอรี่และดินระเบิด ส่วนอีกจุดบริเวณหน้าห้าง พบภาชนะบรรจุชิ้นส่วนถังแก๊สหุงต้มสีส้ม ขนาดบรรจุ 4 ก.ก. น้ำหนักรวมประมาณ 20 ก.ก. ชิ้นส่วนถังแก๊สหุงต้มสีเขียว ขนาดบรรจุ 15 ก.ก. หนักรวมประมาณ 80 ก.ก. ระบบการจุดระเบิด 2 ระบบ คือควบคุมการจุดระยะไกลด้วยวิทยุสื่อสารและตั้งเวลา จึงคาดว่าระเบิดที่ก่อเหตุครั้งนี้ใช้ถังแก๊ส 2 ลูก น้ำหนัก 100 ก.ก. โดยดูจากความรุนแรงคล้ายกับเหตุการณ์ระเบิดโรงแรมเซาท์เทิร์น วิว ปัตตานี เมื่อกลางปี 2559

ส่วนคนร้ายที่ก่อเหตุทั้ง 4 คน ทั้งทำหน้าที่ขับรถคาร์บอมบ์มาจอดและพาหลบหนี จากแนวทางสืบสวนเจ้าหน้าที่มีเบาะแสทั้งหมดแล้วว่าเป็นใคร โดยมีลักษณะตามวงจรปิดตรงกับข้อมูลและแฟ้มประวัติคดีความมั่นคง เพียงรอผลการยืนยันจากพยานหลักฐานอื่นๆ มาประกอบ เบื้องต้นกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุเชื่อมโยงกับมือระเบิดที่เคยถูกออกหมายจับแล้ว 2 คนคือ นายอับดุลเลาะ สาแม คดีคาร์บอมบ์ร้านอาหารมิดติ้ง ติดกับฐานนปพ.ใกล้ฐานตะวัน อ.เมืองปัตตานี เมื่อวันที่ 26 ก.พ.2559 และนายฮาริม ดอเลาะ คดีระเบิดคาร์บอมบ์โรงแรมเซาท์เทิร์น วิว ปัตตานี เมื่อวันที่ 24 ส.ค.2559 นอกจากนี้อาจเชื่อมโยงกลุ่มนายเสรี แวมามุ และนายบูคอลี หลำโซ๊ะ ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ โดยทั้ง 2 คน อาจร่วมก่อเหตุปล้นรถกระบะมาก่อเหตุ

ตร.ชี้บึ้มหวังทำร้ายจนท.

ด้านพล.ต.ท.รณศิลป์ ภู่สาระ ผบช.ศชต. เผยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ตรวจสอบเบื้องต้นพบช่วงบ่ายวันที่ 9 พ.ค.ที่ผ่านมา 2 คนร้ายขับรถกระบะอีซูซุ สีเทา ทะเบียน บจ-3303 ยะลา เข้ามาในห้างบิ๊กซีปัตตานีและขับวนไปมาในลานจอดรถ ก่อนจะจอดบริเวณหน้าประตูเข้าห้างและออกจากรถ โดยยังนำวัตถุระเบิดขนาดเล็กวางบริเวณกระถางต้นไม้แนวรั้วและขึ้นรถจักรยานยนต์ที่มีคนร้ายอีก 2 คน มารอรับหลบหนีไป แต่โชคดีที่รปภ.พบผิดสังเกตจึงแจ้งเจ้าหน้าที่และได้กันประชาชนออกจากบริเวณ กระทั่งมาเกิดระเบิดขึ้นครั้งแรกในเวลา 13.50 น.บริเวณกระถางต้นไม้ตามที่คนร้ายวางวัตถุระเบิดไว้ จากนั้นเวลาประมาณ 14.08 น. เกิดเหตุระเบิดครั้งที่ 2 ที่รถกระบะต้องสงสัย

พล.ต.ท.รณศิลป์กล่าวอีกว่า สำหรับการระเบิดครั้งที่ 1 ตรวจสอบพบจุดระเบิดด้วยวงจรอิเล็กทรอนิกส์แบบหน่วงเวลาล่วงหน้า ขณะที่ระเบิดครั้งที่ 2 คาดเป็นระเบิดแสวงเครื่องในถังก๊าซ เบื้องต้นสันนิษฐานว่าคนร้ายวางระเบิดครั้งที่ 1 เพื่อหลอกล่อให้เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบ จากนั้นหวังจุดระเบิดคาร์บอมบ์ขณะเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจ แต่เกิดผิดพลาดก่อน ซึ่งการก่อเหตุครั้งนี้เชื่อว่า ไม่ได้มุ่งไปที่ประชาชนแต่อย่างใด ขณะที่หนุ่มเจ้าของรถกระบะ ตอนนี้อยู่ระหว่างติดตามหาตัว แต่จากการพูดคุยกับภรรยา คาดว่าไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ครั้งนี้

รู้ตัวทีมบอมบ์-จ่อหมายจับ

“ในช่วงเวลาเดียวกัน เจ้าหน้าที่รับแจ้งมีการโทรศัพท์มาข่มขู่ว่ามีระเบิดในห้างดังใน จ.สงขลา แต่ตรวจสอบแล้วไม่พบ ส่วนห้าง บิ๊กซีที่เกิดเหตุ ตรวจสอบพบว่าเมื่อปี 2548 เคยถูกกลุ่มคนร้ายลอบวางระเบิดบริเวณลานจอดรถของห้างมาแล้ว โดยครั้งนั้นคนร้าย ใช้ระเบิดแสวงเครื่องในกระป๋องน้ำอัดลม จุดระเบิดด้วยสัญญาณโทรศัพท์มือถือ แต่ไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต” ผบช.ศชต.กล่าว

ด้านพล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบก.ภ. จว.ปัตตานี เปิดเผยว่า ถึงแม้กลุ่มคนร้ายจะปิดบังใบหน้า แต่ก็สามารถที่จะระบุได้ว่าผู้ก่อเหตุเป็นใคร จากการปะติดปะต่อจากพยานหลักฐานหลายด้าน นอกจากนี้ยังเร่งติดตามเส้นทางของคนร้าย เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานด้วยกัน เบื้องต้นสันนิษฐานว่าคนร้ายกลุ่มนี้น่าจะได้รับการฝึกฝนและอยู่ระดับปฏิบัติการ ซึ่งเจ้าหน้าที่น่าจะมีฐานข้อมูลอยู่และบางส่วนก็ออกหมายจับในหลายคดี ซึ่งเชื่อว่าไม่นานจะออกหมายจับได้แน่นอน

ส่วนพ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า จากเบาะแสในขณะนี้สามารถสาวถึงคนร้ายที่ก่อเหตุได้อย่างชัดเจน เช่น ภาพจากกล้องวงจรปิดเห็นคนร้ายชัดเจนทั้ง 2 จุด และพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ ซึ่งต้องขอเวลาในการสืบสวนขยายผล ส่วนผู้บาดเจ็บบางส่วนแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว ซึ่งแม่ทัพภาคที่ 4 สั่งการให้ทบทวนมาตรการการดูแลความปลอดภัย โดยเฉพาะบริเวณ ห้างบิ๊กซี รวมทั้งขอความร่วมมือให้หยุดกิจการถึงวันที่ 1 มิ.ย. เพื่อปรับปรุงคืนสู่สภาพเดิม และมาทบทวนระบบการรักษาความปลอดภัยให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

“มะกอเซ็ง”คนนั่งข้างคนขับ

ต่อมาเวลา 17.30 น. พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี พร้อมนายวีรนันทน์ เพ็งจันทร์ และพล.ต.จตุพร กลัมพสุต ผบ.หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี ร่วมกันแถลงความคืบหน้าคดีว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่เร่งสืบสวนไล่ล่าคนร้าย จนรู้เบาะแสว่ามีคนร้ายร่วมกระทำผิด 4 คนตามภาพวงจรปิด กระทั่งเจ้าหน้าที่มีพยานบุคคลและพยานอื่นๆ จนรู้ตัว 1 ใน 4 คนที่ร่วมก่อเหตุแล้วคือ นายมะกอเซ็ง หม้าแอ้ อายุ 25 ปี ชาวต.บาราโหม อ.เมืองปัตตานี โดยพยานระบุว่า นายมะกอเซ็งเป็นบุคคลในภาพวงจรปิด โดยนั่งเบาะข้างคนขับมาในรถคาร์บอมบ์และใส่เสื้อสีดำ เมื่อตรวจสอบพบมีหมายจับ ป.วิอาญา คดีความมั่นคง 3 หมาย ทั้งหมดเกี่ยวข้องกับเหตุลอบวางระเบิดในอ.เมืองปัตตานี ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับ ส่วนอีก 3 คนที่เหลือขณะนี้กำลังรวบรวมหลักฐานออกหมายจับเช่นกัน

พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์กล่าวอีกว่า แนวทางการสืบสวนเจ้าหน้าที่พอรู้แล้วว่าการก่อเหตุครั้งนี้มีด้วยกัน 3 กลุ่ม กลุ่มละ 6 คน แบ่งการทำงานเป็นอย่างดี โดยชุดที่ก่อเหตุ 4 คนถือเป็นกลุ่มที่ได้รับการฝึกมาอย่างดี สามารถก่อเหตุแบบเชิงประชิดตัว ซึ่งใน 3 กลุ่มนี้ เจ้าหน้าที่ออกหมายจับแล้วหลายคน ขณะนี้ประเมินสถานการณ์แล้วพบว่าเขตเมืองต้องเพิ่มมาตรการดูแลความปลอดภัยมากขึ้น เพราะถือเป็นพื้นที่เสี่ยง

ยังสาหัส 3-ตั้งศูนย์เยียวยา

ขณะที่นายวีรนันทน์ เพ็งจันทร์ ผวจ.ปัตตานี มีคำสั่งให้ตั้งศูนย์ปฏิบัติการเร่งช่วยเหลือเยียวยาฯ ให้กับผู้ได้รับผลกระทบ โดยตลอดทั้งวันมีประชาชนมาลงชื่อเข้ารับการช่วยเหลือจำนวนมาก ส่วนใหญ่ที่ทรัพย์สินเสียหาย ประกอบด้วย รถยนต์ 32 คัน รถจักรยานยนต์ 26 คัน และร้านค้า 44 แห่ง ซึ่งคาดว่าจะมีผู้เดินทางมาลงทะเบียนเพิ่มขึ้นอีก

ต่อมานายวีรนันทน์ เข้าเยี่ยมผู้บาดเจ็บที่ร.พ.ปัตตานี โดยเฉพาะด.ญ.นุรซาฟีการ์ สุรอระยอ อายุ 5 ขวบ ซึ่งนอนรักษาตัวในห้องไอซียู โดยบาดเจ็บบริเวณศีรษะ จากเศษกระจกทะลุ ตับและไต อาการยังทรงตัว นางวรกมล ชูวงค์ ถูกสะเก็ดระเบิดเข้าหน้าท้องและได้รับการผ่าตัดแล้ว และนายสมพร พึ่งจิต อายุ 45 ปี ถูกสะเก็ดเข้าศีรษะเลือดคั่งในสมองขณะนี้ถูกส่งไปร.พ.สงขลานครินทร์

ขณะที่นพ.โสภณ เมฆธน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ได้รับรายงานจากนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดปัตตานี มีผู้บาดเจ็บทั้งหมด 57 คน รักษาตัวที่ร.พ.ปัตตานี 56 คน ส่วนอีก 1 คนมีแผลที่ท้ายทอยอาการสาหัส ได้ส่งตัวรักษาไปยังร.พ.สงขลานครินทร์ อาการปลอดภัย โดยขณะนี้ยังคงมีผู้บาดเจ็บนอนรักษาตัวอยู่ที่ร.พ.ปัตตานี 23 คน ส่วนที่เหลือกลับบ้านแล้ว

สงขลา-เกาะสมุยคุมเข้ม

ส่วนมาตรการรักษาความปลอดภัยในหลายพื้นที่ เริ่มจากจ.นราธิวาส เจ้าหน้าที่จัดกำลังตรึงตามจุดและสถานที่สำคัญ ทั้งถนนสายรองและสายหลัก พร้อมมุ่งเป้าไปยังรถที่มีการแจ้งหายไว้ แยกเป็นรถยนต์ 10 คัน และรถจักรยานยนต์ 15 คัน นอกจากนี้ยังมีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้พระสงฆ์ที่ออกบิณฑบาตในอ.สุไหงโก-ลกด้วย

เช่นเดียวกับจ.ยะลา ก็เสริมกำลังดูแลความปลอดภัยอย่างเข้มงวดเช่นกัน พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ออกลาดตระเวนด้วย ขณะที่ย่านเศรษฐกิจในอ.เบตง นายอำเภอสั่งคุมเข้มหวั่นมีการสร้างสถานการณ์ พร้อมตั้งชุดเฉพาะกิจทั้งในและนอกเครื่องแบบสืบสวนหาข่าว

ที่จ.สงขลา เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงมีมาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุด โดยเฉพาะในย่านการค้าสำคัญทุกแห่งกลางเมืองหาดใหญ่ เพื่อตรวจสอบรถต้องสงสัยที่นำมาจอดในลักษณะมีพิรุธ

ที่จ.สุราษฎร์ธานี พ.ต.อ.เทเวศร์ ปลื้มสุทธิ์ ผกก.สภ.บ่อผุด อ.เกาะสมุย นำกำลังเจ้าหน้าที่ ตรวจตราความเรียบร้อยตามห้างสรรพสินค้าบนเกาะสมุย พร้อมจัดกำลังตรวจเช็กรถยนต์บริเวณลานจอดอย่างละเอียดด้วย หลังจากเมื่อปี 2558 เคยเกิดเหตุคาร์บอมบ์ภายในลานจอดของห้างดังมาแล้ว

แอมเนสตี้จี้จับกุมคนร้าย

ขณะที่รศ.อิ่มจิต เลิศพงษ์สมบัติ รอง อธิการบดีม.สงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ออกแถลงการณ์ว่า ขอแสดงความเสียใจต่อผู้บาดเจ็บและผู้ได้รับผลกระทบ มหาวิทยาลัยขอแนะนำให้นักศึกษาและบุคลากรทุกท่านติดตามข่าวสารใกล้ชิด โดยไม่ตื่นตระหนก แต่เพิ่มความระมัดระวังตัวมากยิ่งขึ้น ขอให้เพิ่มการสังเกตสถานการณ์รอบตัวและหลีกเลี่ยงสถานที่มีผู้คนรวมตัวกันจำนวนมาก เพื่อความปลอดภัยของตนเอง ในโอกาสนี้ขอให้นักศึกษาตั้งมั่นในสติ มีสมาธิในการเตรียมสอบและการสอบปลายภาคการศึกษานี้

วันเดียวกัน นายแชมพา พาเทล ผอ.แอม เนสตี้ สำนักงานภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และแปซิฟิก แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า การโจมตีที่ศูนย์การค้าในปัตตานีนับเป็นการกระทำที่จงใจสร้างความสะเทือนขวัญต่อพลเรือน และยังแสดงให้เห็นว่าผู้ก่อเหตุไม่คำนึงถึงชีวิตของผู้คนแต่อย่างใด ทางการไทยต้องสั่งการสอบสวนอย่างอิสระและมีประสิทธิภาพทันที โดย รัฐมีหน้าที่ในการนำตัวผู้กระทำผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ให้มีการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม สอดคล้องกับมาตรฐานสากล

ทรงห่วงใย – สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้พล.อ.อ.เกษม อยู่สุข เป็นผู้แทนพระองค์ มอบดอกไม้และสิ่งของพระราชทานเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิดห้างบิ๊กซีปัตตานี ที่โรงพยาบาลปัตตานี เมื่อวันที่ 10 พ.ค.

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน