แอบตามไปบ้านถึงรู้ความจริง! เปลือยชีวิตลุงน้อยเก็บเงินทั้งชีวิตเรียนป.ตรี ขอปิดรับบริจาคแล้ว ส่วนเงินที่เหลือจากค่าเทอมขอส่งต่อให้น้องๆรุ่นต่อไปได้มีโอกาสเรียน

จากกรณี เฟซบุ๊ก สาขาวิชาภาษาไทย มรภ.พิบูลสงคราม จ.พิษณุโลก เขียนเล่าเรื่องราวของ ลุงน้อย นายวิรัชชัย สงวนสิน อายุ 56 ปี ซึ่งเก็บเงินทั้งชีวิตมาสมัครเรียน เป็นนักศึกษาภาคเสาร์-อาทิตย์ อายุ 56 ปี สาขาวิชาภาษาไทย คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม ปัจจุบันเรียนอยู่ชั้นปีที่ 2 เทอม 2 แต่ไม่มีเงินจ่ายค่าเล่าเรียนจึงเดินทางมาพบอาจารย์ที่ปรึกษาและแจ้งอาจารย์ว่าจะขอลาออกเนื่องจากไม่มีค่าเทอมแล้ว เนื่องจากเงินสะสมเก็บหอมรอมริบขณะไปทำงานมาเป็นค่าเทอมตั้งแต่ปีแรกจนถึงวันนี้ไม่มีเหลืออีกแล้ว

กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
เพิ่มเพื่อน

“สร้างความตกใจให้กับคณะอาจารย์และเพื่อนร่วมชั้นเป็นอย่างมาก เพราะว่าลุงน้อยมีความตั้งใจเรียนดีและมีความตั้งใจที่จะเรียนให้จบเพื่อรับใบปริญญาตามความฝันที่หวังไว้ เพราะปริญญาคือเป้าหมายในชีวิตลุง ด้วยความเห็นใจของคณะอาจารย์จึงปรึกษากันว่าจะลงเรื่องราวของลุงน้อยในเพจเฟซบุ๊กของสาขาวิชาภาษไทยที่ลุงน้อยเรียนอยู่ เพื่อให้ศิษย์เก่าที่มีจิตเมตตาช่วยกันบริจาคเป็นค่าเทอม ปรากฏว่าหลังจากเผยแพร่ออกไปมีผู้ให้ความสนใจเข้ามาให้กำลังใจพร้อมแชร์กันเป็นจำนวนมาก จนขณะนี้ยอดเงินในบัญชีของลุงน้อยเพียงพอเป็นค่าเล่าเรียนเรียบร้อยแล้ว คณะอาจารย์จึงขออนุญาตปิดรับบริจาคทุนการศึกษา และขอบคุณผู้ใจบุญที่ช่วยเหลือลุงน้อยให้ได้เรียนสำเร็จตามที่หวังไว้”

 

ล่าสุดเรื่องนี้ วันที่ 30 ม.ค. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านลุงน้อย บริเวณที่ดินด้านหลังโรงเรียนวัดโคกสลุด หมู่ 2 บ้านโคกสลุด ต.บ้านไร่ อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก ซึ่งเป็นที่ดินเนื้อที่ประมาณ 60 ตารางวา ปลูกสร้างลักษณะเป็นเพิงพักก่อด้วยอิฐบล็อกสูงกว่า 1 เมตร มุงด้วยสังกะสี ไม่มีฝาบ้าน มีเพียงแคร่ไม้และมุ้งใช้สำหรับนอน ไม่คุ้มแดดคุ้มฝน ไม่มีน้ำประปา ไม่มีไฟฟ้า ส่วนห้องส้วมก็ใช้งานไม่ได้ ไม่มีเลขที่แต่อย่างใด

โดยลุงน้อย เปิดเผยเรื่องราวตัวเองทั้งน้ำตา ว่าเคยไปทำงานรับจ้างอยู่ที่กรุงเทพฯนาน 10 ปี จนมีเงินเก็บ 7 หมื่นบาท จึงตัดสินใจกับมาอยู่ที่บ้านเกิด ส่วนพ่อกับแม่เสียชีวิตไปนานแล้ว ไม่มีครอบครัวอยู่ตัวคนเดียว และมาหาซื้อที่ดินเพื่อปลูกบ้าน 3 หมื่น ส่วนเงินที่เหลือตั้งใจเอาไว้ว่าจะเก็บไว้เรียนต่อปริญญาตรี เพราะก่อนหน้านี้เคยไปเรียนกศน. จนจบชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 6 จึงไปสมัครเรียนต่อปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม

“เลือกเรียนสาขาวิชาภาษาไทย เพราะมีความตั้งใจแต่เด็กว่าอยากจะเป็นคุณครูสอนหนังสือให้เด็กๆ ถึงแม้อายุจะล่วงมาถึงวัยกลางคนแล้ว ก็ไม่ได้ล้มเลิกความตั้งใจอันแน่วแน่ จะต้องเรียนจบคว้าใบปริญญามาให้ได้ ไม่มีใครแก่เกินเรียน แต่ระยะหลังลุงหารายได้จากอาชีพรับจ้างทั่วไปในหมู่บ้านได้น้อย ต้องนำเงินเก็บออกมาใช้จ่ายบ้างจนเงินไม่พอที่จะจ่ายค่าเทอมในชั้นเรียนปีที่ 2 เทอม 2 เหลือเงินติดบัญชีเพียง 20 บาทเท่านั้น และไม่รู้ว่าจะหันหน้าไปพึ่งใคร ญาติพี่น้องก็ไม่มี

ก่อนจะตัดสินใจเดินทางจากบ้านไปแจ้งกับอาจารย์ผู้สอนว่าจะขอลาออก หลังจากพูดคุยกับอาจารย์ที่ปรึกษาแล้ว อาจารย์เห็นว่าลุงเรียนมาถึงขั้นนี้แล้วไม่อยากให้เสียโอกาส อยากให้เรียนไปจนจบชั้นปีที่ 4 จะขอทุนกยศ. จากมหาวิทยาลัยก็ไม่เข้าเงื่อนไขเนื่องจากอายุเกิน ส่วนทุนของมหาวิทยาลัยจะต้องขอพิจารณาปีหน้า อาจารย์จึงตัดสินใจนำเรื่องราวไปโพสต์ผ่านสื่อโซเชียล กระทั่งมีกลุ่มนักศึกษาและผู้ใจบุญร่วมกันบริจาคเงินสบทบทุนการศึกษาเข้าบัญชีจำนวนหนึ่ง ขณะนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะเรียนจนจบหลักสูตรจึงขอปิดรับบริจาค ถ้าหากเงินที่ได้รับบริจาคมาเพียงพอเหลืออยู่ก็จะนำไปเป็นทุนการศึกษาให้กับรุ่นน้องคนอื่นๆ”

ขณะที่ อาจารย์ปฐมพงษ์ สุขเล็ก อาจารย์ที่ปรึกษาประจำชั้น พร้อมด้วย อาจารย์ธีรพัฒน์ พูลทอง รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษาและศิลปวัฒนธรรม คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงคราม ได้เดินทางไปติดความความคืบหน้า เปิดเผยว่า ลุงน้อยเป็นนักศึกษาที่มีความตั้งใจเรียนดีมาก ถึงแม้จะช้ากว่าเพื่อนคนอื่นๆ เนื่องจากอายุต่างกันมาก ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคนวัยทำงานและวัยรุ่น ทุกคนในชั้นเรียนจะคอยช่วยเหลือลุงน้อยหากมีข้อสงสัย การเรียนถือว่าอยู่ในเกณฑ์ดีเกรดเฉลี่ยสะสมอยู่ที่ 2.5 ทุกวันเสาร์และอาทิตย์ลุงน้อยจะขี่รถจักรยายนต์คู่ใจจาก อ.บางกระทุ่ม เข้ามาเรียนในตัว อ.เมืองพิษณุโลก เป็นระยะทางไปกลับถึง 80 กิโลเมตร

“ที่ผ่านมาเรื่องค่าเล่าเรียนไม่เคยมีปัญหา เพราะลุงน้อยมีเงินเก็บจากการทำงานที่สะสมไว้ กระทั่งเข้าสู่ชั้นปีที่ 2 เทอม 2 การเงินลุงน้อยเริ่มมีปัญหาไม่สามารถหามาจ่ายค่าเทอมได้ทันเวลา ด้วยความกังวลและหาทางออกไมได้ จึงเดินทางมาพบกับอาจารย์เพื่อขอลาออก เพื่อนร่วมห้องเกิดความสงสารจึงแอบติดตามไปที่บ้าน ทำให้พบกับภาพสุดเวทนา เมื่อเห็นสภาพบ้านของลุงน้อยเป็นเพียงเพิงพักเล็กๆ ในสวนต้นกล้วย ไม่มีฝาบ้าน มุงหลังคาสังกะสี ไม่มีน้ำประปา ไม่มีไฟฟ้าใช้ เวลาจะทำการบ้านตอนกลางคืนต้องจุดเทียนเพื่อให้แสงสว่าง หรือเวลาจะเข้าห้องน้ำต้องไปขออาศัยเพื่อนบ้าน หรือวัดใกล้เคียง

ชีวิตความเป็นอยู่อย่างยากลำบากมาก แต่ลุงน้อยก็บอกว่าอยู่จนเคยชินแล้ว เพราะแต่ชีวิตวัยเด็กลำบากมาตลอด สร้างความสงสารให้กับผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างมาก จึงขออนุญาตนำเรื่องของลุงน้อยไปโพสต์เพื่อขอบริจาคเป็นค่าเทอมจำนวน 8,000 บาท และไม่คาดคิดว่าจะมีผู้ที่เห็นใจบริจาคเงินมาเป็นจำนวนมากจนเพียงพอแล้ว จึงขอยุติการขอรับบริจาค ส่วนเรื่องที่ว่ายอดเงินขณะนี้อยู่ที่เท่าใดนั้นจะต้องพาลุงน้อยไปทำธุรกรรมทางการเงิน พร้อมพาลุงน้อยไปพบกับผู้บริหารของทางมหาวิทยาลัย เพื่อพูดคุยในการจัดการค่าใช้จ่ายค่าเล่าเรียนให้แล้วเสร็จตามขั้นตอน


ส่วนเรื่องการปรับปรุงซ่อมแซมที่พักอาศัยให้ความเป็นอยู่ดีขึ้นนั้น ลุงน้อยก็ยินดีถ้าหากมีผู้ใจบุญอยากจะช่วยเหลือ แต่เรื่องของค่าเล่าเรียนขณะนี้เพียงพอจนเรียนจบหลักสูตร ส่วนเงินที่เหลือจะเก็บไว้เป็นทุนการศึกษา ให้กับนักศึกษาที่ยากไร้รุ่นอื่นๆ ต่อไป”

ด้านนายสุทธินันท์ สีกะพา หัวหน้าห้องเรียนของลุงน้อย บอกว่า เห็นลุงน้อยเรียนมาด้วยกันตั้งแต่ปี 1 แล้วและวันหนึ่งก็ชักชวนเพื่อนในห้องแอบตามลุงน้อย มาดูบ้านพัก เนื่องจากสงสัยว่าทำไมลุงน้อย ไม่ค่อยพูดถึงบ้านของตนแต่อย่างใด ซึ่งหลังจากที่ได้เห็นบ้านของลุงน้อยแล้ว รู้สึกสงสารเป็นอย่างมาก ซึ่งตนก็นำได้ไปปรึกษาอาจารย์ประจำคณะ และเพื่อนที่คณะเทคโนโลยีฯ เพื่อที่จะหาทางนำแผงโซล่าเซลล์มาติดตั้งให้ใช้ไฟฟ้าไปก่อน และจะหาวิธีทางช่วยกันซ่อมแซมบ้านที่อยู่ให้มิดชิดอีกครั้ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน