เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 23 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรับแจ้งจากนพ.วิศนุ วิทยาบำรุง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดบึงกาฬ ว่าขณะนี้ที่โรงพยาบาลปากคาด อ.ปากคาด จ.บึงกาฬ มีผู้ป่วยทยอยเข้ามารักษาตัวด้วยโรคอาหารเป็นพิษ ซึ่งเกิดจากการรับประทานเห็ดพิษ ตั้งแต่วันที่ 19–22 พ.ค. ทั้งสิ้น 30 ราย แบ่งเป็นหญิง 17 ราย ชาย 13 ราย โดยผู้ป่วยจากตำบลนาดง 5 ราย ตำบลสมสนุก 7 ราย ตำบลหนองยอง 2 ราย ตำบลโนนศิลา 4 ราย และตำบลปากคาด 2 ราย นอกจากนี้ยังมีผู้ป่วยมารักษาตัวอยู่รพ.ปากคาดจากตำบลศรีชมพู อำเภอโซ่พิสัย 2 ราย และอำเภอรัตนวาปี จังหวัดหนองคายอีก 8 ราย โดยพบว่าผู้ป่วยมีอาการคลื่นไส้ คันระคายคอ อาเจียน ปวดบิดท้อง ถ่ายเป็นน้ำ ภายหลังรับประทานเห็ดพิษเข้าไป

จากการสอบถามผู้ป่วยรายหนึ่งทราบว่า ได้ไปเก็บเห็ดปลวกหรือเห็ดโคน เห็ดระโงก ที่ขึ้นอยู่ตามสวนยางพารา แล้วนำมาปรุงเป็นอาหารภายในครอบครัว โดยไม่คิดว่าเห็ดจะเป็นพิษอะไร เนื่องจากเห็ดโคนและเห็ดระโงกเป็นเห็ดที่นิยมกินกันมีรสชาติอร่อย ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยมีอาการเป็นพิษ แต่คราวนี้หลังจากรับประทานได้เพียง 30-50 นาที ก็มีอาการคลื่นไส้ วิงเวียนอาเจียน ปวดบิดท้อง จึงรีบมาหาหมอรักษา

ด้านนายวิศนุ เปิดเผยว่า จากการรายงานของแพทย์ รพ.ปากคาดที่รักษาอาการผู้ป่วยรับประทานเห็ดที่เคยเก็บมากิน เช่น เห็ดปลวกหรือเห็ดโคนที่เกิดขึ้นในสวนยางพารามีจำนวนผู้ป่วยทั้งสิ้น 30 คน มีอาการไม่รุนแรงมากนัก แต่ต้องให้นอนดูอาการอย่างใกล้ชิด ซึ่งผู้ป่วยอาจเกิดโรคแทรกซ้อนได้ จึงขอฝากเตือนพี่น้องประชาชนว่า ช่วงนี้ฝนตกใหม่ๆ อากาศและพื้นดินร้อนระอุ ทำให้เห็ดชนิดต่างๆ เจริญงอกงามได้ดี มีข้อสังเกตว่าเห็ดที่เป็นพิษจะมีสีออกเข้มๆ เช่น สีแดงจัด สีส้ม หรือมีสีฉุดฉาดขึ้นมาตามดอกเห็ด มียางหรือน้ำเมือก มีกลิ่นเหม็นออกมาจากดอกเห็ดให้เก็บทิ้งอย่าเสียดาย

ส่วนที่ว่าเห็ดปลวกหรือเห็ดโคนและเห็ดระโงกที่ชาวบ้านเคยเก็บมารับประทานไม่เป็นอะไร แต่คราวนี้กลับมีพิษนั้น น่าจะเกิดจากก่อนหน้าฝนจะมาเจ้าของสวนยางมักนิยมฉีดพ่นยาฆ่าหญ้าและวัชพืชอื่นๆ แทนการตัดหญ้า เพราะไม่เสียเวลามาก ซึ่งยาฆ่าหญ้าเป็นสารพิษที่ตกค้างและยังไม่สลายหรือถูกดูดซึมลงดิน โดยยังตกค้างอยู่บนผิวดิน เมื่อเห็ดงอกออกมาจึงเป็นไปได้ว่ามีสารพิษติดมากับดอกเห็ด จึงฝากเตือนให้ระมัดระวังกันด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน