วันที่ 11 มิ.ย. นางมาย อายุ 66 ปี ชาว อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก และนางบังเอิญ อายุ 68 ปี ชาว อ.บ้านด่านลานหอย จ.สุโขทัย ได้กินเม็ดกระท้อนเข้าไปจนแทงลำไส้ใหญ่ทะลุ ทำให้เกิดการติดเชื้อในช่องท้องและในกระแสเลือด มาเข้ารับการผ่าตัดและรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู โรงพยาบาลศรีสังวรสุโขทัย อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย นางบังเอิญ อายุ 68 ปี ชาว อ.บ้านด่านลานหอย ซึ่งกินเม็ดกระท้อนเข้าไป 4 เม็ด ได้เสียชีวิตแล้วเมื่อเวลาประมาณตี 5 คืนที่ผ่านมา ส่วนนางมาย อายุ 66 ปี ชาว อ.บางระกำ ซึ่งเผลอกินเม็ดกระท้อนเข้าไป 2 เม็ด ก็ยังไม่พ้นขีดอันตราย แพทย์เฝ้าดูอาการใกล้ชิด

 

โดยญาติของนางบังเอิญ ได้เปิดเผยว่า นางบังเอิญเข้ารับการรักษาตัวเมื่อวันที่ 2 มิ.ย.เนื่องจากมีอาการปวดท้องรุนแรงและขับถ่ายไม่ออก ทางแพทย์โรงพยาบาลศรีสังวรได้ทำการผ่าต้ดช่องท้องและเจอเม็ดกระท้อน 2 เม็ด พร้อมอยู่ในความดูแลอย่างใกล้ชิดของแพทย์ จนกระทั้งเมื่อเวลา 05.00 น.ของวันนี้ที่ 11 มิย.นางมาย ก็ได้เสียชีวิต และทางญาตินางบังเอิญยังได้กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ นางบังเอิญ ได้ไปเก็บกระท้อนจากต้นข้างบ้านมานั่งกินกับลูกหลาน แล้วเกิดหัวเราะทำให้เผลอกลืนเม็ดเข้าไปโดยไม่ตั้งใจ จนรุ่งเช้าอีกวันก็มีอาการปวดท้องรุนแรง ขับถ่ายไม่ออก จนต้องทำให้เสียชีวิตและอยากจะฝากเตือนทุกคนว่าอย่ากินเม็ดกระท้องเลยเพราะมันอันตรายมากสำหรับคนแก่

 

ทั้งนี้ นพ.พรชัย สินคณารักษ์ แพทย์เจ้าของไข้ เปิดเผยว่า ผู้ป่วยที่ลำไส้ใหญ่ทะลุ อาการจะรุนแรงมาก รุนแรงยิ่งกว่าไส้ติ่งแตกหลายเท่า เพราะมีการติดเชื้อ มีโอกาสเสียชีวิตได้ และหมอเองก็เจอผู้ป่วยในลักษณะนี้ 3-5 รายทุกปี จึงฝากเตือนให้เลิกกิน เพราะเม็ดกระท้อนนั้นมีส่วนที่แหลมคมทำให้แทงลำไส้ทะลุ จนเกิดการติดเชื้อ เสี่ยงเสียชีวิตได้ ไม่คุ้มค่ากันเลย

 

ด้าน นพ.เกรียงศักดิ์ คำอิ่ม ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีสังวรสุโขทัย กล่าวว่า การกินเม็ดกระท้อนนั้นมีอันตรายถึงชีวิต เพราะเม็ดมีความแข็งแหลมคม โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีภาวะลำไส้ทำงานไม่ค่อยดี ทำให้ลำไส้ทะลุจนติดเชื้อในช่องท้องและในกระแสเลือด เสี่ยงเสียชีวิตได้ จึงขอฝากเตือนให้เลิกกิน นอกจากนี้ ก็ยังเคยพบผู้ป่วยที่ชอบกินขนุนในปริมาณมากๆ จนทำให้ลำไส้อุดตันและทะลุได้อีกด้วย โชคดีไม่เสียชีวิต แพทย์ช่วยรักษาไว้ได้ทัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน