ครูเกษียณร่ำไห้ ช่วยค้ำกู้ยืมกยศ.ให้ลูกศิษย์ สุดท้ายเบี้ยวหนี้-ถูกยึดที่ดิน ตามไปถามถึงบ้าน พบไปทำงานญี่ปุ่น ก่อนบ่ายเบี่ยงไม่ใช้หนี้คืนให้

เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 15 เม.ย. นางธนวรรณ ชุมแวงวาปี อายุ 63 ปี ข้าราชการบำนาญครู และชาวจ.อุดรธานี เข้าร้องขอความเป็นธรรมจากสื่อมวลชน ว่าถูกกรมบังคับคดีอายัดที่ดิน 53 ตารางวา ที่เตรียมไว้สร้างบ้านอยู่หลังเกษียณราชการ หลังก่อนหน้านี้ได้เป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้กองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ให้น.ส.น้ำฝน ลูกศิษย์สาว ตอนนี้อายุ 39 ปี ชาวอ.กุดจับ จ.อุดรธานี ซึ่งหลังจบการศึกษาแล้วไม่ใช้หนี้กองทุน จนทำให้เดือดร้อนอย่างหนัก

นางธนธรรณ เปิดเผยว่า ตนรับราชการครู ต่อมามีน.ส.น้ำฝน นักศึกษาชั้นปวช.1 เป็นนักศึกษายากจน พ่อแม่ไปทำงานรับจ้างที่กรุงเทพฯ ต้องอาศัยอยู่กับยาย ป้าและลุง ไม่มีเงินเรียน จึงไปกู้เงินกองทุน กยศ. และให้ตนเป็นผู้ค้ำประกันให้ ปีแรก 18,628 บาท ส่วนปีถัดมาจนถึงจบปริญญาตรีมีญาติของน.ส.น้ำฝน เป็นคนค้ำ รวมผู้ค้ำทั้งหมด 4 คน เงินกู้ทั้งหมด 159,195 บาท นอกจากนี้ตนยังทำเรื่องขอทุนการศึกษาต่อเนื่องจนจบปริญญาตรีให้อีก ซึ่งตนจะค้ำประกันให้ลูกศิษย์ที่กู้เงินกยศ.รวมแล้ว 10 คน

นางธนวรรณ กล่าวต่อว่า หลังเรียนจบชั้นปวส.และไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยจนจบ ตนก็ไม่เคยพบน.ส.น้ำฝนอีกเลย กระทั่งตนเกษียณอายุราชการ ต้องออกจากบ้านพักข้าราชการไปอยู่กับลูกสาวที่กทม. แต่รู้สึกไม่ชอบ เพราะไม่คุ้นเคยกับสังคมเมืองหลวง จึงกลับมาจ.อุดรธานี เพื่อสร้างบ้านบนที่ดินดังกล่าวในเขตเทศบาลนครอุดรธานี ที่ซื้อไว้ขณะรับราชการ หวังว่าเมื่อเกษียณราชการแล้วจะมาสร้างบ้านหลังเล็กๆ ไว้อยู่อาศัยในยามชรา โดยช่วงยังไม่ได้สร้างบ้านได้ไปขออาศัยอยู่กับลูกศิษย์ที่เคยสอน

นางธนวรรณ กล่าวอีกว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ชวนกันมาดูที่ดิน เพื่อจะถมดินเตรียมสร้างบ้าน แต่ต้องตกใจเมื่อมาถึงที่ดินแปลงดังกล่าว เพราะมีหนังสือของกรมบังคับคดี ติดประกาศไว้ที่รั้วว่ามายึดที่ดินแปลงนี้แล้ว เพื่อขายทอดตลาดตามราคาประเมินตารางวาละ 1 หมื่นบาท รวมทั้งสิ้น 5.3 แสนบาท ตนจึงไปสอบถามที่สำนักงานบังคับคดีอุดรธานี ทำให้ทราบว่าเป็นคดีที่กยศ.ฟ้องน.ส.น้ำฝน ไม่ใช้หนี้ กยศ. รวมเป็นเงินต้นและดอกเบี้ย 238,583 บาท กระทั่งกรมบังคับคดีตามยึดทรัพย์ผู้ค้ำประกันเงินกู้ ซึ่งมีทั้งหมด 4 คน รวมทั้งตนด้วย แต่ผู้ค้ำรายอื่น ซึ่งเป็นญาติน.ส.น้ำฝน ไม่มีทรัพย์สินให้อายัดหรือยึด บางคนก็เสียชีวิตแล้ว มีแต่ตนเพียงผู้เดียวที่มีทรัพย์สิน จึงถูกอายัดที่ดินแปลงดังกล่าว

นางธนวรรณ กล่าวต่อไปว่า จากนั้นตนจึงไปที่สำนักงานบังคับคดี จ.อุดรธานี ขอดูรายละเอียดการกู้กยศ. ของน.ส.น้ำฝน พบว่าหลังเรียนจบปริญญาตรี น.ส.น้ำฝนต้องจ่ายหนี้กองทุนกยศ. เดือนแรกในวันที่ 5 ก.ค.2548 จนถึงงวดสุดท้ายวันที่ 5 พ.ย.2562 เดือนละ 1,800 บาท รวม 15 ปี แต่ปรากฏว่าน.ส.น้ำฝน จ่ายหนี้ถึงวันที่ 5 ก.ย.2555 รวม 8 ปี หลังจากนั้นก็ไม่ยอมจ่ายอีกเลย ทำให้มีหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยคงเหลือ 238,583 บาท หลังทราบเรื่องทั้งหมด ได้พยายามติดต่อน.ส.น้ำฝน แต่ติดต่อไม่ได้ จึงไปหาแม่น.ส.น้ำฝน

“เมื่อไปถึงพบแม่และน้องชายของน.ส.น้ำฝน ก็เล่าให้ฟังว่าลูกสาวไปทำงานอยู่ประเทศญี่ปุ่น ส่งเงินมาเลี้ยงครอบครัว สร้างบ้าน ซื้อรถ ซื้อทอง ไม่ได้ขัดสน เมื่อทราบเรื่องลูกสาวไม่ใช้หนี้กยศ.จนครูผู้ค้ำประกันต้องถูกอายัดที่ดิน น้องชายจึงวิดีโอคอลไปหาน.ส.น้ำฝนที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งน.ส.น้ำฝนบอกให้แม่เอาที่ดินไปจำนอง เอาเงินไปใช้หนี้ ตนจึงมีความหวังและกลับมาบ้านมานั่งรอความหวังว่าลูกศิษย์จะใช้หนี้ แต่ก็ไม่มีการติดต่อกลับมา จึงเดินทางไปพบแม่น.ส.น้ำฝน เป็นครั้งที่ 2 เมื่อไปถึงครั้งนี้ผิดจากหน้ามือเป็นหลังมือ แม่ลูกศิษย์พูดยืนยันเพียงคำเดียวว่าไม่มีเงินใช้หนี้ และเมื่อน้องชายวิดีโอคอลไปหา น.ส.น้ำฝนกลับไม่ยอมพูด และปิดโทรศัพท์หนี น้องชายจึงเสนอให้ขายรถบิ๊กไบก์ที่พี่สาวซื้อให้ไปใช้หนี้ แต่แม่กลับไม่ยอม ทำให้หมดหนทาง จึงต้องไปแจ้งความดำเนินคดีกับลูกศิษย์”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน