กรณีกอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ดำเนินคดีกับ 3 นักสิทธิมนุษยชน เมื่อวันที่ 11 พ.ค.59 ในข้อหาหมิ่นประมาท โดยโฆษณาและกระทำ พรบ.คอมพิวเตอร์ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พุทธศักราช 2550 พร้อมกับได้ใช้ความรู้สึกส่วนตัวในการเสนอข้อมูลข่าวสารที่ขาดสาระสำคัญอย่างรอบด้าน ภายหลังมีเผยแพร่รายงานสถานการณ์การซ้อมทรมานในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปี 2557-2558 โดยกล่าวหาเจ้าหน้าที่รัฐได้ซ้อมทรมานผู้ต้องหาคดีความมั่นคงในรูปแบบต่างๆ จึงเกิดการวิพากษ์วิจารณ์ให้กับองค์กรสิทธิมนุษยชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตามที่เสนอข่าวไปนั้น

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. พ.ต.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษก กอ.มน.ภาค 4 ส่วนหน้า ออกใบแถลงการณ์ยืนยันว่าทางกอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ดำเนินถอนแจ้งความกับ 3 นักสิทธิมนุษยชนแล้ว โดยมอบหมายให้ พ.ท.เศรษฐสิทธิ์ แก้วคูณเมือง ไปแจ้งลงบันทึกประจำวันต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองปัตตานี เพื่อแสดงเจตนารมณ์ไม่ติดใจเอาความกับ 3 นักสิทธิมนุษยชน เมื่อ 7 มีนาคม 2560 มาแล้ว มอบอำนาจให้ถอนแจ้งความร้องทุกข์ในคดีอาญาที่ 704/59 ไม่ติดใจเอาความผู้ที่จัดทำรายงานทั้ง 3 คน ตามหนังสือ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ที่ นร 5119/1125 ลง 28 มีนาคม 2560

พร้อมกับได้รายงานตามสายการบังคับบัญชาให้กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรทราบแล้ว อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เกิดความปรองดองสมานฉันท์ เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งจะเกิดผลดีต่อการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ในภาพรวม กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า จึงขอถอนแจ้งความร้องทุกข์ในคดีหมิ่นประมาท

ส่วนความผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์นั้น เป็นความผิดอาญาแผ่นดินไม่สามารถถอนแจ้งความร้องทุกข์ได้ ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมในขั้นพนักงานอัยการ ซึ่งยังไม่มีความเห็นสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 3 คน จึงจำเป็นต้องมารายงานตัวต่อพนักงานอัยการ ตามกำหนดนัดจนกว่าพนักงานอัยการจะมีความเห็นต่อไป ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้นักกฎหมายทุกคนทราบดี
พร้อมกันนั้นทาง กอ.รมน.ตำหนิพฤติกรรมของนักสิทธิมนุษยชนบางคน ยังไม่ยอมสำนึกความผิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ต้องหาในคดีนี้บางคนที่ไม่ยอมปฏิบัติตามเงื่อนไขและข้อตกลงที่ได้กำหนด

ซึ่งล่าสุด น.ส.อัญซณา หีมมิหน๊ะ ประธานกลุ่มด้วยใจ รวมทั้งมูลนิธิผสานวัฒนธรรม ออกมาเคลื่อนไหวกรณี นายดาโหะ มะถาวร ประธานชมรมตาดีกา ตำบลทุ่งพอ อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา ด้วยการส่งข่าวผ่านสื่อต่างๆ อย่างกว้างขวางเพื่อชี้นำให้สังคมเชื่อว่าถูกอุ้มไปจากบ้านพักโดยเจ้าหน้าที่รัฐ ทั้งๆ ที่ไม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงกับเจ้าหน้าที่ตามข้อตกลง ซึ่งต่อมาภายหลังนายดาโหะ ให้การรับสารภาพว่า ได้กุเรื่องโกหกภรรยาไม่ได้ถูกอุ้มดังที่กล่าวอ้าง จึงเห็นได้ว่าสิ่งที่กลุ่มบุคคลเหล่านี้ได้แสดงพฤติกรรมตลอดเวลาที่ผ่านมา ที่เข้าข่าย “ไม่สำนึก” ซึ่งจะเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่กำลังดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน