วันที่ 1 ก.ค. นายสมาน บุญภา อายุ 57 ปี ชาว จ.กาฬสินธุ์ พร้อมครอบครัว ออกมาขอความเป็นธรรมและขอความช่วยเหลือกับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ผ่านสื่อมวลชน หลังได้รับหมายเรียกจากสภ.ลานสัก จ.อุทัยธานี ให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาและสอบปากคำในคดีร่วมกันฉ้อโกง ที่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ ปปส.เรียกรับเงินจากผู้เสียหาย 150,000 บาท ซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่าไม่เคยมีพฤติกรรมดังกล่าว และไม่เคยรู้จักกับผู้เสียหาย อีกทั้งไม่เคยเดินทางไป จ.อุทัยธานี คาดว่ากลุ่มมิจฉาชีพนำเอาชื่อ-นามสกุล หรือเลขบัตรประชาชนไปเปิดเบอร์โทรศัพท์ใช้โทรติดต่อเรียกรับเงิน จึงออกมาแสดงความบริสุทธิ์ใจและขอความเป็นธรรม

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

นายสมาน กล่าวว่า ขณะนี้ตนและครอบครัวทุกข์ใจอย่างมาก จนกินไม่ได้นอนไม่หลับ หลังจากเมื่อวานนี้ได้ไปรับหมายเรียกลงวันที่ 9 มิ.ย.63 จาก สภ.นากุง จ.กาฬสินธุ์ ถูกส่งมาจาก สภ.ลานสัก จ.อุทัยธานี เพื่อให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาร่วมกันฉ้อโกง ซึ่งได้สอบถามไปยังพนักงานสอบสวนผู้ที่ออกหมายเรียก ทราบว่า มีผู้เสียหายเป็นหญิงแจ้งความร้องทุกข์ว่า มีกลุ่มคนอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ ปปส.เรียกรับเงินจากผู้เสียหาย 150,000 บาท โดยใช้โทรศัพท์ติดต่อกัน และเจ้าหน้าที่ระบุว่าจากตรวจพบว่าเบอร์โทรศัพท์ที่คนร้ายใช้ติดติดกับผู้เสียหายเปิดใช้ในชื่อของตน จึงได้ออกหมายเรียกไปรับทราบข้อกล่าวหา และขณะนี้พนักงานสอบกำลังจะออกหมายเรียกครั้งที่ 2 และหากตนไม่ไปจะขอศาลออกหมายจับทันที

นายสมาน กล่าวต่อว่า เรื่องดังกล่าวตนและครอบครัวรู้สึกช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีพฤติกรรมไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว และที่สำคัญปกติตนจะเปิดร้านขายของชำเล็กๆ น้อยๆ ในหมู่บ้าน และขายปลาร้าพอมีรายได้เลี้ยงปากเลี้ยงท้อง ไม่เคยเดินทางไปที่ จ.อุทัยธานี คาดว่ากลุ่มมิจฉาชีพจะเอาชื่อ-นามสกุลหรืออาจจะเอาบัตรประชาชนของตนไปเปิดใช้เบอร์โทรศัพท์ติดต่อกับผู้เสียหายแล้วก่อเหตุดังกล่าวขึ้นที่ จ.อุทัยธานี

อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาช่วงต้นเดือน ธ.ค.62 มีเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ เข้ามาตรวจสอบแล้วถึง 2 ครั้ง ซึ่งตนก็ยืนยันไปแล้วว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และได้เดินทางไปลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.นากุง เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.62 เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ แต่ไม่คาดคิดว่าจะถูกออกหมายเรียกอีก จึงอยากจะขอความเป็นธรรมและขอความช่วยเหลือกับ ผบ.ตร.ในครั้งนี้ และจะเดินทางไปขอความเป็นธรรมกับสำนักงานยุติธรรมต่อไป

ด้าน นายเฉลิมภัทร์ โคตรวงษ์ อายุ 42 ปี เพื่อนบ้าน นายสมาน กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่เติบโตมาและสัมผัสกับนายสมาน เชื่อว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ และไม่ได้ก่อเหตุดังกล่าว เพราะนายสมานมีนิสัยธรรมมะ ธรรมโม เป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูกให้หลาน และเปิดร้านขายของเลี้ยงหลานที่บ้าน ไม่ได้เดินทางไป จ.อุทัยธานี อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์สอบถามไปยัง ร.ต.อ.สุเทพ ภุมมาพันธ์ รองสารวัตร (สอบสวน) สภ.ลานสัก จ.อุทัยธานี เจ้าของคดี เพื่อสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดย ร.ต.อ.สุเทพ กล่าวว่า สำหรับคดีดังกล่าวมีผู้เสียหายมาแจ้งความร้องทุกข์ว่ามีบุคคลอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ ปปส.เรียกรับเงิน 150,000 บาท โดยมีการติดต่อพูดคุยกันทางโทรศัพท์ ก่อนที่ผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3 ครั้ง รวม 150,000 บาท ทั้งนี้จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่าบัญชีธนาคารที่ถูกโอนเงินเข้า เป็นชื่อผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ที่ จ.ชลบุรี ส่วนหมายเลขโทรศัพท์ที่คนร้ายใช้ติดต่อกับผู้เสียหายลงทะเบียนเปิดใช้ในชื่อของ นายสมาน ดังนั้นตนในฐานะพนักงานสอบสวน จึงดำเนินการออกหมายเรียก นายสมาน เพื่อมารับทราบข้อกล่าวหาและสอบปากคำ ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน