วันที่ 20 ก.ค. พระอธิการทิพนัช เตมปณโณ เจ้าอาวาสวัดศรัทธาธรรม นำผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังโรงเรียนวัดศรัทธาธรรม ม.3 บ้านไสจีนติก ต.ปะเหลียน อ.ปะเหลียน จ.ตรัง ซึ่งอยู่ห่างจากวัดประมาณ 500 เมตร หลังจากทราบว่ามีตายายคู่หนึ่งและลูกชาย อาศัยอยู่ในโรงเรียนร้างแห่งนี้ มานานเกือบ 5 ปี ท่ามกลางเสียงบอกเล่าของชาวบ้านในละแวกนั้น กล่าวหาว่า ครอบครัวนี้เห็นแก่ตัว ใช้โรงเรียนซึ่งเป็นทรัพย์สินของทางราชการเป็นที่พักอาศัยโดยพลการ

เมื่อผู้สื่อข่าวเดินทางไปถึงพบ นายพันธ์ พาพันธ์ อายุ 88 ปี และ นางสงวน พาพันธ์ อายุ 74 ปี ตายาย ตามบัตรประชาชนอยู่บ้านเลขที่ 82/2 ม.3 ต.บางด้วน อ.ปะเหลียน จ.ตรัง มีสภาพความเป็นอยู่ น่าเวทนา ด้วยเครื่องนอนเก่าๆ ที่เสื่อมสภาพเต็มที่ หลังคาพัง เวลาฝนตกก็รั่วอย่างหนัก มีมุ้งกางไว้กลางห้องสำหรับใช้กันยุง ฟูกที่นอนไม่มี ข้าวของที่มีราคาแทบหาไม่เจอ มีไฟแสงสว่างแค่เพียง 1 หลอด และน้ำกินใช้ที่ต่อท่อมาจากวัดศรัทธาธรรม โดยเจ้าอาวาสได้อนุเคราะห์ช่วยเหลือ การหุงหาอาหารก็ใช้ไม้ฟืน มียาสามัญประจำบ้านส่วนหนึ่ง วางอยู่ใกล้ๆ ที่นอน ทั้งสองคนมีเพียงเงินคนแก่เป็นรายได้เดือนละ 1,600 บาท กับเงินรายได้ของนายสานิต พาพันธ์ ลูกชายคนเล็กอายุ 25 ปี มาอาศัยอยู่ด้วย และมีอาชีพรับจ้างตัดหญ้าเล็กๆน้อยๆ มีรายได้ครั้งละ 200-300 บาท พอประทั่งเลี้ยง 3 ชีวิตเท่านั้น

สองตายาย เล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า เดิมทีนายพันธ์เป็นชาว จ.ศรีสะเกษ มีอาชีพรับจ้างทำงานทั่วไปโดยเฉพาะงานก่อสร้าง ก็ต้องเดินทางไปหลายๆ จังหวัด จนมาถึงจังหวัดตรังก็พบรักกับนางสงวน จึงตัดสินใจอยู่ร่วมกันจนมีบุตร-ธิดา ด้วยกัน 6 คน ปัจจุบันต่างก็มีครอบครัวกันไปหมดแล้ว แต่ก็ไม่สามารถดูแลตนสองคนพ่อแม่ได้ เพราะมีปัญหาลูกเขย ลูกสะใภ้ จึงตัดสินใจ ย้ายมาอยู่บ้านญาติ แต่ก็กลับมีปัญหาญาติจำเป็นต้องขายบ้านที่พักอาศัยไปอีก ทำให้ตนสองคนไม่มีที่อยู่ จึงเดินทางมาที่วัดศรัทธาธรรม เพราะเคยรู้จักกับท่านเจ้าอาวาสมาก่อน กะว่าจะมาขออาศัยอยู่ที่วัด แต่ พระอธิการทิพนัช เตมปณโณ เจ้าอาวาสวัดศรัทธาธรรมก็บอกว่ามีอาคารเรียน ซึ่งร้าง ไม่ได้ใช้ประโยชน์อะไรอยู่ก็ให้มาอยู่ชั่วคราวไปก่อน ส่วนอาหารการกิน ก็อาศัยวัดบ้าง เพื่อนบ้านช่วยเหลือมาบ้างเป็นครั้งคราว

โดยตอนนี้ก็คิดกันว่า อยากจะกลับไปอยู่บ้านเดิม ที่ จ.ศรีสะเกษ เพราะมีญาติพี่น้องของนายพันธ์อยู่ แต่ก็จนใจ ยังไม่สามารถเดินทางไปได้ เพราะไม่มีค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ขืนยังอยู่ที่โรงเรียนร้างแห่งนี้ต่อไปก็คงไม่สะดวกและไม่อยากอยู่อีกต่อไปแล้ว หากตอนนี้ขอได้อยากขอให้มีค่าเดินทางกลับไปที่ จ.ศรีสะเกษเท่านั้น ก็จะย้ายออกไปทันทีทั้งหมด เพราะไม่อยากถูกรังเกียจจากเพื่อนคนในชุมชนมากไปกว่านี้ และไม่อยากมีความหวังว่าลูกๆ อีก 5 คนจะมาช่วยเหลือเพราะหมดหวังเรื่องนี้ไปนานแล้ว

ด้านพระอธิการทิพนัช เตมปณโณ เจ้าอาวาสวัดศรัทธาธรรม กล่าวว่า เมื่อประมาณ 4-5 ปี ที่แล้วก็เจอโยมสองตายายนี้เดินหาบ้านเช่า ก็เกิดความสงสารว่าไม่มีบ้านอยู่ เที่ยวเร่ร่อน อายุก็มากแล้ว แถมไม่มีงานทำก็เลยแนะนำให้ไปอยู่ที่โรงเรียนแห่งนี้ชั่วคราวเพราะเห็นว่าถูกปล่อยให้ร้างอยู่นานแล้ว แต่พออยู่ไปสักพักก็มีเสียงวิพาษ์วิจารณ์จากคนในชุมชนหนาหูขึ้นเรื่อยๆ ถึงความไม่เหมาะสมที่ปล่อยให้สองตายายเข้าไปอยู่ในโรงเรียนร้างแห่งนี้โดยพลการ ตนก็ไม่ทราบจะทำอย่างไร จนกระทั่งตายายกับลูกชายก็หารือกันว่าจะกลับไปที่ จ.ศรีสะเกษ เนื่องจากพอมีญาติอยู่บ้าง ตอนนี้ติดอยู่ที่ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง จึงยังไม่สามารถไปได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน