ไม่สารภาพเจอโทษพันปี! ปลัดแม่ริมให้โอกาส”ฌอน”ชี้แจง ลั่นผิดอาญาแผ่นดินต้องคืนเงินบริจาค
วันที่ 11 ก.ค. นายบุญญฤทธิ์ นิปวณิชย์ ปลัดอำเภอแม่ริม จ.เชียงใหม่ เปิดเผยความคืบหน้า กรณีการตรวจสอบบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขารวมโชค จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นบัญชีที่เปิดรับบริจาคของ “ฌอน บูรณะหิรัญ” ไลฟ์โค้ชดัง หลังพบข้อสงสัยหลายอย่างที่อาจเข้าข่ายความผิด โดยบัญชีดังกล่าวมีเงินคงค้างบัญชีที่ 90,286 บาท และนับตั้งแต่เปิดรับบริจาควันที่ 1 มี.ค.– 3 เม.ย. พบมีเงินเข้าบัญชี 5,960 ครั้ง ยอดเงินรวม 1,338,889 บาท
กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
นายบุญญฤทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้มีการส่งสัญญาณที่ดีมาจากตัวแทนของ นายฌอน ว่าจะขอเข้ามาไกล่เกลี่ยในเรื่องที่เกิดขึ้นที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอแม่ริม แต่ยังไม่สามารถบอกวันเวลาได้ แต่ก็ถือว่าเป็นเป็นสัญญานที่ดีการเข้ามาพบ ก็พร้อมจะให้ความเป็นธรรมและหาทางออกที่ถูกต้องและสามารถตอบสาธารณะชนได้ หากเขายอมรับสังคมให้อภัย ก็ถือเป็นผลดีของเขาเป็นการบรรเทาโทษผิดไม่มาก หากเขารับสารภาพที่นี่ก็จบไปเลย เพราะเหตุเกิดที่เชียงใหม่จึงอยากให้เข้ามาไกล่เกลี่ยในกระบวนการของศูนย์ดำรงธรรมถือเป็นโอกาสที่ดีของนายฌอน
ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงเรื่องบัญชีการเรี่ยไรรับบริจาคของนายฌอน ในขั้นตอนนี้ยังพบบัญชีเดียวใช่หรือไม่ นายบุญญฤทธิ์ ตอบว่า เห็นมีข่าวตามสื่อว่า มีถึง 3 บัญชี แต่ในส่วนของตนตรวจพบเพียงบัญชีเดียวอยู่ เป็นบัญชีที่รับเรี่ยไรบริจาคในการแก้ไขไฟป่าในเชียงใหม่ แต่ได้พบข่าวนำเงินไปซื้อบ้านที่หมู่บ้านหรูในเชียงใหม่นั้นตนยังไม่ทราบ แต่ในบัญชีที่พบว่าเงินในบัญชีของนายฌอน แต่แรกมีเพียง 9 หมื่นกว่าบาทเท่านั้น
” แต่เมื่อเปิดรับบริจาคแล้วเมื่อวันที่ 30 มี.ค.2563 กลับมีเงินไปจ่ายบัตรเครดิต เมื่อวันที่ 3 เม.ย. ถึง 6 หมื่นบาท วันที่ 4 เม.ย.ก็จ่ายอีก 1 แสนบาท แสดงว่านายฌอน ไม่มีเงินเลย จึงได้ใช้แนวทางนี้แสดงว่าเงินของนายฌอนขาดบัญชีแล้ว เมื่อได้เงินมาก็จ่ายบัตรเครดิตของตัวเอง เพราะวันที่ 3 เม.ย.ยังไม่ได้ซื้ออะไรเลย แต่กลับเอาเงินไปใช้หนี้บัตรเครดิตได้อย่างไร นายฌอนต้องถูกตั้งคำถามนี้
เมื่อตรวจสอบอีกทีพบว่าเงินก้อนแรกออกวันที่ 3 เม.ย.จำนวน 6 หมื่น พออีกวันก็จ่ายอีก 5 หมื่นจำนวน 2 ครั้ง เป็น 1 แสนบาทในวันที่ 4 เม.ย. และวันที่ 5 เม.ย.ก็จ่ายหนี้บัตรเครติดอีก 5 หมื่น 2 ครั้งเป็น 1 แสนบาท เท่ากับนายฌอน จ่ายเงินบัตรเครดิตไปทั้งสิ้น 2 แสน 6 หมื่นบาท ก็แสดงว่าเงินของนายฌอนมีปัญหาแล้ว เงินจำนวนนี้ไปจ่ายค่าบัตรเครดิตได้อย่างไร พอได้มานายฌอน จะต้องนำเงินไประดมซื้อของให้ตามเจตนารมณ์ของผู้บริจาคให้ช่วยในเรื่องดับไฟป่า แต่กลับนำไปชำระบัตรเครดิตของตัวเอง ถือว่าเป็นการหลอกเอาเงินประชาชนมา ผมสันนิษฐานไว้อย่างนี้ ”
นายบุญญฤทธิ์ กล่าวต่อว่า ที่ตนยังไม่ได้ทำอะไรในตอนนี้ คือเรื่องแรก นายฌอน ยังไม่ยังมาไม่ชี้แจง และเรื่องที่ 2 นายฌอน บอกว่า ได้ไปชี้แจงจากเจ้าหน้าที่ในจ.เชียงใหม่ซึ่งเป็นหน่วยที่มีการตรวจสอบแล้ว แสดงว่านายฌอน อาจจะเคยเจอเจ้าหน้าที่คนนั้นแต่ตนไม่เคยเจอ ซึ่งนายฌอน ประกาศต่อสาธารณชนว่า เขาได้พบผู้ใหญ่ในจ.เชียงใหม่ ที่มีหน้าที่ตรวจสอบบัญชีเมื่อวันที่ 2 ก.ค.และชี้แจงเขาไปแล้ว ตนก็ไม่รู้ว่าชี้แจงกับใคร ก็ต้องแสวงหา แต่หากนายฌอน ไม่ได้ชี้แจงจริงเป็นการกล่าวอ้างจะเป็นความผิดด้วย
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า มาถึงตอนนี้แล้วอำนาจของนายบุญญฤทธิ์ จะไปแจ้งความเองเอาผิดกับนายฌอนได้หรือไม่ นายบุญญฤทธิ์ ตอบว่า ตนสามารถทำได้เลย ในข้อหา พรบ.เรี่ยไร เป็นอำนาจของนายอำเภอที่มอบหมายให้ และความผิดอาญาอื่นเช่นการฉ้อโกงมหาชน เป็นความผิดอาญาแผ่นดิน เราเป็นพนักงานเมื่อตรวจสอบพบก็เสนอผู้บังคับบัญชาในการดำเนินการ แต่ที่ตนยังไม่เร่งทำเพราะให้โอกาสนายฌอน มาชี้แจงว่านำเงินไปช่วยอะไรช่วยใครหน่วยงานไหน ซึ่งเรื่องมันเกิดที่เชียงใหม่ และที่สำคัญที่สุด นายฌอน ใช้คำก่อนที่จะมีการเรี่ยไรรับบริจาคว่า “คนนับล้านกำลังจะตาย” เป็นคำพูดที่น่ากลัวพูดให้ตกใจ คนก็สงสารโอนเงินกันถล่มทลาย
เมื่อถามว่า ช่องทางออกของ นายฌอน ที่ดีที่สุดในเวลานี้มีทางไหนบ้าง โดยเฉพาะทราบว่ามีการติดต่อผู้ใหญ่ในกรุงเทพ และมีการรวบรวมเงินทั้งสิ้นกว่า 1.3 ล้านบาทจะนำกลับมาคืนให้กับชาวเชียงใหม่ เป็นทางออกของนายฌอนได้หรือไม่ นายบุญญฤทธิ์ ตอบว่า เงินทั้งหมดเป็นเงินของประชาชนเพื่อช่วยเจ้าหน้าที่ดับไฟป่าไม่ใช่เงินของนายฌอน ต้องบอกไปเลยว่าถึงอย่างไงผิดก็ต้องเอาเงินคืนมาอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าแจ้งความคดีอาญาแล้วเงินก็ไม่ต้องคืน งั้นก็ทำกันได้ 300-400 ล้านก็ยอมติดคุกมันไม่ได้ เงินก็ต้องมาคืนอยู่แล้ว ถ้านายฌอน นำเงินมาคืน มาชี้แจง ก็เป็นเหตุแห่งการบรรเทาโทษในคดีอาญาไป
“ เรื่องที่มีตัวแทนของนายฌอน จะนำตัวนายฌอนมาพบกับผมที่ศูนย์ดำรงธรรม เพื่อไกล่เกลี่ยในรูปคณะกรรมการมีนายอำเภอแม่ริม เป็นผู้พิจารณา ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สุดผิดก็ให้อภัยได้ อาจจะโดนแค่เรี่ยไรโดยไม่มีใบอนุญาตมีโทษปรับ 500 บาทและจำคุก 1 เดือน และขอให้คนไทยให้อภัย ซึ่งจะเป็นผลดีต่อเขามากเป็นเหตุบรรเทาโทษไปได้มาก แต่หากนายฌอนไม่มาชี้แจง ก็จะเข้าข่ายฉ้อโกงมหาชนเพราะเอาเงินเขามา อัตราโทษสูง รวมทั้ง พรบ.คอมฯหลอกลวงเอาเงินไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ หากศาลโทษต่างกรรมต่างวาระ ก็น่าจะโดนเป็นพันปีอย่างที่ทนายรณรงค์ เขาว่ามา
ดังนั้นของให้นายฌอนมาพบที่ศูนย์ดำรงธรรมแม่ริม ซึ่งเชียงใหม่ถือเป็นต้นทางที่เกิดเรื่องหากต้นทางเขายอมก็จะส่งผลมาก เพราะเรื่องนี้จะต้องรวมเป็นสำนวนเดียวกันอยู่แล้ว ทั้งที่ อ.แม่ริม และ สภ.ปากเกร็ด ขอบอกว่าจะมีผลดีกับนายฌอน เยอะมากหากมาพบผม ”
อ่าน ปลัดแม่ริมแฉอีก พิรุธบัญชีเงินบริจาค ฌอน จี้เข้าแจงใช้ไปล้านกว่า ไม่มาหนักแน่