เมื่อวันที่ 16 ก.ย. สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานพระราชานุญาตให้ราชสกุล องคมนตรี คณะรัฐมนตรี กระทรวง ทบวง กรม องค์กรอิสระ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน ร่วมเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญกุศลอุทิศถวายพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง

อาทิ วิทยาลัยอาชีวศึกษาปทุมธานี, โรงเรียนอนุบาลวัดนางใน, บริษัท เค.พี.ที.กลอรี่ จำกัด, บริษัท เอื้ออมรสุข จำกัด, กลุ่มจันทรโรจน์วานิช, บริษัท อีเลฟเว่น สตรีท(ประเทศไทย) จำกัด,ห้างหุ้นส่วนจำกัด ไอยเรศวัสดุก่อสร้าง, ปวงข้าฯ ขอเทิดไว้เหนือเกล้า, นางพุทธชาด รัตนบรรณกิจ และคณะ, สภาวัฒนธรรมจังหวัดพิจิตร, มูลนิธิศรีแก้วอริยะ, ศิษย์เก่า รุ่นที่ 11 โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ ฯลฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวันมีพสกนิกรเดินทางมากราบสักการะจำนวนมาก โดยหางแถวที่เข้าคิวรอกราบพระบรมศพ ล้นออกนอกสนามหลวงไปตลอดเส้นถนนราชดำเนินใน ไปยังเส้นถนนสนามไชย หลังเมื่อวันที่ 15 ก.ย. ที่ผ่านมา สำนักพระราชวัง ประกาศเปิดให้ประชาชนเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในวันที่ 30 กันยายน 2560 เป็นวันสุดท้าย เพื่อจัดเตรียมการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ทั้งนี้ สำนักพระราชวังได้เปิดให้เข้ากราบมาตั้งแต่วันที่ 28 ต.ค. 2559 เป็นต้นมา

โดยในวันนี้ สำนักพระราชวังได้สรุปยอดรวมประชาชน ที่เดินทางมาสักการะพระบรมศพ เมื่อวันที่ 15 ก.ย. หลังสำนักพระราชวัง ปิดไม่ให้ประชาชนเข้าพระบรมมหาราชวัง เพื่อขึ้นกราบสักการะพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในเวลา 23.20 น. จากกำหนดเดิมเวลา 21.00 น. เนื่องจากยังมีประชาชนเข้าแถวรอกราบสักการะพระบรมศพในมณฑลพิธีสนามหลวงเป็นจำนวนมาก ว่ามีจำนวนทั้งสิ้น 52,378 คน รวม 317 วัน มี 10,654,552 คน และมีประชาชนถวายเงินเพื่อร่วมบำเพ็ญพระราชกุศลเป็นเงิน 3,618,704.50 บาท รวม 317 วัน เป็นเงินทั้งสิ้น 790,646,708.76 บาท

นางอำนวย ชังสัจจา อายุ 45 ปี อาชีพชาวสวน พสกนิกรจาก อ.สวี จ.ชุมพร เช่ารถตู้เดินทางมาพร้อมญาติพี่น้องและเพื่อนกว่า 10 คน มาถึงสนามหลวงเวลา 07.00 น. ก่อนจะได้เข้ากราบพระบรมศพในเวลา 10.00 น. เปิดเผยด้วยความตื้นตันใจว่า พวกเราทุกคนรู้สึกสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของในหลวง ร.9 มาตลอดชีวิต เท่าที่จำความได้ก็เห็นพระองค์ทรงงานตลอด ส่วนตัวประทับใจที่พระองค์ทรงช่วยเหลือเกษตรกรชาวไทย ซึ่งตนได้น้อมนำมาใช้ในการทำสวนซึ่งปลูกปาร์มน้ำมัน สวนยาง และสับปะรด ทำให้มีกินมีใช้ รวมทั้งการใช้จ่ายอย่างไม่ฟุ่มเฟือย ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงด้วย

นางอัจฉรา กล่าวพร้อมน้ำตาด้วยว่า วันนี้ได้มาเห็นคนมาจำนวนมากรอคิวเพื่อเข้ากราบ ก็รู้สึกตื้นตันใจในความรักที่มีต่อพระองค์ท่าน แม้จะเป็นครั้งแรกที่ได้มากราบ แต่ตนก็รู้สึกตื้นตันอย่างบอกไม่ถูก เป็นความอบอุ่นในหัวใจ ขณะที่ขึ้นกราบสักการะพระองค์บนพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท บอกกับพระองค์ว่าขอให้คุ้มครองคนไทยให้อยู่ดีมีสุข หากมีโอกาสก็อยากมากราบพระองค์อีกสักครั้ง

น.ส.ศศิธร เขียวชัย น.ส.พัสวี ธีรพงษ์ อายุ 22 ปี และน.ส.อรวรรณ แพงแก้ว อายุ 21 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะครุศาสตร์ โปรแกรมภาษาอังกฤษ มหาวิทยาลัยราชภัฏกำแพงเพชร ที่เดินทางมาถึงตั้งแต่ 03.00 น. และเข้ากราบเวลา 08.00 น. กล่าวว่า ตั้งใจอยากจะมากราบพระบรมศพนานแล้ว แต่ไม่สามารถมาในวันธรรมดาได้ต้องหาโอกาสวันหยุดสุดสัปดาห์ ด้วยการเรียนและการเดินทางลำบากจากต่างจังหวัด แต่ด้วยความตั้งใจอย่างไรก็ต้องมาให้ได้สักครั้งในชีวิต แม้ตลอดชีวิตของตัวเองเกิดมาก็ไม่เคยได้เห็นพระพักตร์จริงๆ ของพระองค์ท่าน ได้เห็นแค่จากสารคดีหรือในทีวี

แต่ด้วยความรักที่มีต่อพระองค์จึงอยากมาตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อพวกเรา ด้วยพวกเราเรียนมหาวิทยาลัยราชภัฏ ในหลวงรัชกาลที่9 ได้พระราชทานนาม ทรงจัดตั้งให้มีสถานศึกษาแก่เด็กในต่างจังหวัดได้มีการศึกษา อีกทั้งยังพระราชทานพระราชลัญจกรเป็นตราประจำมหาวิทยาลัย พวกเราก็เป็นเหมือนประชาชนของพระองค์ เป็นข้าของแผ่นดิน

น.ส.ศศิธร กล่าวด้วยว่า ตนได้น้อมนำคำสอนเรื่องความพอเพียงมาใช้ในชีวิตประจำวัน แม้เป็นนักศึกษาแต่ก็มีค่าใช้จ่ายสูง รวมถึงค่าครองชีพแพง พวกเราจึงต้องใช้จ่ายอย่างประหยัด ประกอบกับทำงานหารายได้เสริม ทั้งสอนพิเศษ ขายของ และพนักงานเสิร์ฟ โดยใช้จ่ายอย่างประหยัด อดออม และทำเพื่อผู้อื่น ซึ่งเราเรียนครู จำได้ขึ้นใจที่ท่านทรงมีรับสั่งกับครูชาวดอยว่า “เป็นครูใช่หรือไม่ ขอฝากเด็กๆ ด้วย” พวกเราก็จะทำหน้าที่ความเป็นครูให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะเด็กคืออนาคตของชาติ ซึ่งตนตั้งใจจะทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด โดยมีพระองค์เป็นแรงบันดาลใจ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน