แรงงานพม่าที่ระนองผิดหวัง อดรวมตัวประท้วงเพื่อบ้านเกิด หลังเจ้าหน้าที่สั่งห้ามชุมนุม เสี่ยงโควิด ผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และไม่ได้ขออนุญาต ส่วนที่เกาะสองคนแน่น

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 22 ก.พ.64 ที่ลานหน้าอนุสาวรีย์ พระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี หน้าสำนักงานเทศบาลเมืองระนอง ต.เขานิเวศน์ อ.เมือง จ.ระนอง เริ่มมีแรงงานชาวเมียนมาร่วม 20 คน ทยอยกันเดินทางมาเพื่อรวมตัวกันชุมนุมประท้วง และแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ เรียกร้องประชาธิปไตยของประชาชน ควบคู่ไปกับการชุมนุมประท้วงครั้งใหญ่ในประเทศเมียนมาบ้านเกิด แต่ไม่สามารถรวมตัวกันได้

เนื่องจาก เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงจังหวัดระนอง ทั้งทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง เข้าชี้แจงถึงกฎหมายห้ามการชุมนุม การทำกิจกรรม ที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อีกทั้งมิได้ขออนุญาตชุมนุมต่อผู้ว่าราชการจังหวัด และอาจมีความผิด ตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 โทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

จึงทำให้แรงงานชาวเมียนมาต่างผิดหวัง แต่เข้าใจในคำชี้แจงของฝ่ายงานความมั่นคงเป็นอย่างดี ก่อนแยกย้ายกันเดินทางกลับ และแรงงานบางกลุ่ม ก็นั่งรถซาเล้งเดินทางกลับโดยดี ซึ่งเมื่อวานนี้ กลุ่มพี่น้องชาวแรงงานเมียนมาในเขต อ.เมืองระนอง ได้ร่วมกันบริจาคเงินสดคนละเล็กคนละน้อยเป็นเงินร่วม 70,000 บาท ส่งกลับให้กับกลุ่มชุมนุมประท้วงที่ จ.เกาะสอง ที่มีการนัดชุมนุมครั้งใหญ่ในวันนี้

สำหรับบรรยากาศที่เมืองเกาะสอง ที่อยู่ปลายแหลมและใต้สุดของประเทศเมียนมา ตรงกันข้ามกับ อ.เมือง จ.ระนอง ได้มีชาวเมืองเกาะสอง ร่วมกันปิดห้างร้านและหยุดงาน ร่วมกับหน่วยงานราชการในท้องถิ่น ออกมาร่วมเดินชุมนุมแสดงพลังครั้งใหญ่ ที่เมืองท่าเกาะสอง พร้อมตะโกน เราต้องการประชาธิปไตย รัฐบาลของประชาชน และไม่อยากกลับคืนไปสู่การปกครองโดยทหารแบบเดิม พร้อมกับตะโกนสโลแกนต่อต้านการรัฐประหารเช่น “เราไม่ต้องการเผด็จการทหาร เราต้องการประชาธิปไตย” และถือป้ายประท้วงมากมายรวมทั้งป้ายที่มีข้อความว่า “เคารพเสียงโหวตของเรา”

และมีการเดินถือ ป้ายซึ่งเขียนข้อความภาษาอังกฤษ “พวกเราต้องการประชาธิปไตย” รวมทั้งการยืนแปลอักษร ในข้อความ พวกเราต้องการประชาธิปไตย เช่นเดียวกัน ส่วนข้อเรียกร้องส่วนใหญ่ เราไม่ต้องการกลับไปเป็นการปกครองโดยทหาร เราไม่ต้องการมีชีวิตอยู่อย่างหวาดกลัว เราต้องการให้ อะ เหม่ ซู หรือคุณแม่ซูจี ได้รับการปลดปล่อยจากการควบคุมตัวอย่างไม่เป็นธรรม รวมทั้ง เราต้องการขุดรากถอนโคนระบบที่ทหารเข้ามาครองตำแหน่งบริหารของพลเรือน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน