คู่กรณีอาม่าเผยอีกมุม ถูกกระทำมาตลอด โดนแกล้งสารพัด เอาคลิปเก่ามาออกสื่อ ผลั้งมือทำรุนแรง พร้อมขอโทษ เป็นเรื่องเรื้อรังมานาน อยากให้จบซะที

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

จากกรณี นางเนาวรัตน์ อายุ 75 ปี ร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนนทบุรี หลังถูกเพื่อนบ้านทำร้ายร่างกาย จนฟันร่วงเกือบหมดปาก มีรอยฟกช้ำตามร่างกายหลายแห่ง แจ้งความไว้ที่ สภ.รัตนาธิเบศร์ แต่คดีไม่คืบหน้า ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าล่าสุดวันที่ 22 ก.พ.64 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ตึกแถวอาคารพาณิชย์ใน ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.นนทบุรี ซึ่งเป็นบ้านของ ร.ท.ชิตพล อายุ 58 ปี และ นางนันทพัธท์ อายุ 50 ปี คู่กรณีของ นางเนาวรัตน์ โดย นางนันทพัธท์ เปิดเผยว่า ตนกับอาม่าเริ่มมีปัญหากันมาตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค.62 โดยคลิปที่ปรากฏในออกไปในสื่อนั้น เป็นคลิปตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค.62 ไม่ใช่เรื่องที่เพิ่งจะเกิด ตนยอมรับว่ามีปัญหากับอาม่ามาตั้งแต่ตอนนั้น และก็มีปัญหากระทบกระทั่งกันเรื่อยมา เพราะบ้านของตนนั้นเปิดเป็นร้านซ่อมรถยนต์

ในวันเกิดเหตุตนได้เดินผ่านหน้าบ้านอาม่าเพื่อจะเข้าบ้านตัวเองที่อยู่ติดกัน แต่กลับโดนอาม่าโยนขวดน้ำจิ้มไก่ที่เป็นขวดแก้วใส่จนได้รับบาดเจ็บ ที่บริเวณข้อเท้าและขา หลังเกิดเหตุตนได้ไปหาหมอเพื่อทำแผลและแจ้งความไว้ที่ สภ.รัตนาธิเบศร์ แต่เกิดทะเลาะตบตีทำร้ายกันต่อบนโรงพักอีก ทำให้ต่างฝ่ายต่างแจ้งข้อหาต่อกัน โดยอาม่าแจ้งความข้อหาทำร้ายร่างกาย ส่วนตนก็แจ้งความพยายามฆ่าไปเช่นกัน เนื่องจากขวดแก้วสามารถใช้เป็นอาวุธได้ทำร้ายร่างกายได้ แต่ต่อมาฝ่ายลูกชายของอาม่าก็ออกมายอมรับเองว่าอาม่าเป็นฝ่ายผิด เพราะได้ดูคลิปเหตุการณ์แล้ว จึงออกมาขอโทษตน

นางนันทพัธท์ กล่าวต่อว่า หลังจากนั้นตนนึกว่าเรื่องบาดหมางมันจะจบลง แต่กลับถูกอาม่าแสดงพฤติกรรมกลั่นแกล้งด้วยการเอาขยะมาทิ้งใส่ที่หน้าบ้าน รถกระบะที่จอดอยู่หน้าบ้านอาม่าก็เอาขยะมาทิ้งใสท้ายรถ ส่วนที่บริเวณชั้น 4 ซึ่งเป็นที่ตากผ้า ที่อยู่ติดกันก็ถูกอาม่าเอาสิ่งปฏิกูลมาโยนใส่ทำให้เสื้อผ้าเลอะเทอะสกปรก และยังถูกอาม่าด่าทอเสียๆ หายๆ และกล่าวหาว่าตนไปมีอะไรกับลูกน้องในร้าน

นอกจากนี้อาม่ายังหาเรื่องร้องเรียนไปยังหน่วยงานต่างๆ ให้มาตรวจสอบที่ร้านตนเป็นประจำ จนกลายเป็นปัญหากระทบกระทั่งเรื้อรังกันมานานหลายปี ทั้งๆ ที่บ้านตนมีรถมอเตอร์ไซด์บิ๊กไบค์หลายคัน ซึ่งเป็นของลูกชาย เวลาที่ลูกชายขี่กลับมาอาจทำความรำคาญให้อาม่าเรื่องเสียงบ้างก็แค่นั้น แต่เสียงบิ๊กไบค์ของลูกชายตนเสียงไม่ดังมากขนาดนั้น

นางนันทพัธท์ กล่าวอีกว่า ต่อมาในวันที่ 2 ก.พ.64 ตนได้ไปหาอาม่าที่หน้าบ้าน เพื่อต้องการจะถามว่าทำไมอาม่าถึงต้องมาด่าถึงบุพการีตนอย่างเสียๆ หายๆ จึงบันดาลโทสะเผลอพลั้งมือทำร้ายอาม่าไป ซึ่งตนก็ยอมรับในความผิดและพร้อมที่จะขอโทษอาม่า แต่ก็ไม่เข้าใจว่าอาม่ามีจุดประสงค์อะไรถึงได้เอาคลิปเก่าที่มีการชักปืนขู่ ซึ่งมันเป็นคลิปเก่าตั้งแต่ปี 62 ไปออกสื่อ

ทั้งๆ ที่ตนก็ได้ชวนให้อาม่าไปที่ สภ.รัตนาธิเบศร์ เพื่อเจรจาไกล่เกลี่ยถึงสองครั้ง แต่ตัวอาม่ากลับปฏิเสธ โดยให้เหตุผลว่าไม่มีอารมณ์คุยกับตน ทั้งๆ ที่ตนพร้อมที่จะขอโทษทุกอย่าง อย่างจริงใจเพื่อที่จะอยู่ร่วมกันได้ต่อไปโดยไม่มีปัญหาซึ่งกัน เมื่อร้านตนเป็นข่าวออกไปแบบนี้ก็ทำให้ตนลำบากเหมือนกัน เพราะมีเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานลงมาเพ็งเล็ง

ด้าน ร.ท.ชิตพล ซึ่งเป็นบุคคลที่ปรากฏอยู่ในคลิป กล่าวว่า ตนอยากให้เรื่องนี้จบลงด้วยดีทั้งสองฝ่าย พร้อมขอโทษทั้งที่เป็นฝ่ายถูกกระทำมาโดยตลอด แต่ตนก็พร้อมขอโทษอาม่าและครอบครัวที่แสดงอารมณ์โมโหเกินขอบเขตไป แต่ก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับตนด้วย ถ้าไม่มีเรื่องกระทบกระทั่งหรือถูกกระทำมาก่อน ทางฝ่ายตนคงไม่ตอบโต้ไปในลักษณะนั้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่าน ทางแขวงทางหลวงนนทบุรี ได้ให้เจ้าหน้าที่นำแบริเออร์มาตั้งขวางพื้นที่ข้างร้านของ นางนันทพัธท์ ตามที่อาม่าและบุตรได้ยื่นเรื่องว่ามีการรุกล้ำทางเท้าสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตจากร้านดังกล่าวที่ใช้เป็นที่จอดรถแล้วในวันนี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน