จำคุกอ่วม 4 ปี ปรับ 4 แสนบาท ลุงวัย 64 ปี มือเผาป่า เขื่อนศรีนครินทร์ เผาเหี้ยนเนื้อที่กว่า 1 ไร่ คนแจ้งเบาะแสรับรางวัล 2 เด้ง

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

กรณีนายสมควร อายุ 64 ปี ชาว ต.เขาโจด อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี ถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ จับกุมขณะกำลังเผาป่า ในเขตอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนรินทร์ เนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ ซึ่งพนักงานสอบสวน สภ.ด่านแม่แฉลบ ดำเนินคดี ข้อหา เผาป่าในเขตอุทยานแห่งชาติ โดยมิได้รับอนุญาต ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 4-20 ปี ปรับตั้งแต่ 400,000-2,000,000 บาท เหตุเกิดวันที่ 3 เม.ย.2563 ที่ผ่านมา

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 28 มี.ค.64 ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากนายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) ว่า คดีดังกล่าวนั้นนายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนายนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช ให้ความสนใจเกี่ยวกับคดีเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นคดีที่กระทำผิด พรบ.อุทยานฯฉบับใหม่ พ.ศ.2562 ซึ่งถือว่ามีโทษที่รุนแรงมาก

ที่ผ่านมาผู้บังคับบัญชากำชับให้บังคับใช้กฎหมายขั้นเด็ดขาด กับบุคคลผู้เผาป่า ซึ่งทำความเสียหายต่อทรัพยากรป่าไม้และส่งผลกระทบให้เกิดมลพิษทางอากาศ สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน และต้องดูแลช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ผู้พิทักษ์ป่า ให้มีสวัสดิการที่ดีในการทำงาน

สำหรับกรณีที่นายสมควร ถูกจับกุมดำเนินคดีในครั้งนี้นั้นถือว่าเป็นอุทธาหรณ์ ให้กับกลุ่มบุคคลทั่วไปที่คิดจะเข้าไปเผาทำลายผืนป่า เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ส่วนตนหรือเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มนายทุนได้เป็นอย่างดี เนื่องจากเมื่อวันที่ 26 มี.ค.64 ศาลจังหวัดกาญจนบุรี มีคำพิพากษาออกมาแล้ว โดยพิพากษาให้ลงโทษจำคุกนายสมควร จำเลย เป็นเวลา 4 ปี และปรับเป็นเงินจำนวน 400,000 บาท

แต่นายสมควร ให้การเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี จึงมีเหตุบรรเทาโทษ โดยลดโทษการจำคุกให้กึ่งหนึ่ง คงเหลือโทษจำคุก 2 ปี และปรับลดเหลือ 200,000 บาท อีกทั้งพบว่านายสมควร ไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน จึงให้รอลงอาญาเป็นเวลา 2 ปี แต่ต้องคุมประพฤติเป็นเวลา 1 ปี

โดยให้จำเลย ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทั้งหมด 4 ครั้ง และให้ทำงานบริการสังคม หรือสาธารณะประโยชน์ เพื่อการฟื้นฟูเฝ้าระวัง ดูแลหรือสนับสนุน การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ตามที่พนักงานควบคุมประพฤติเห็นสมควร เป็นเวลา 24 ชั่วโมง ซึ่งนายสมควร ไม่ขออุทธรณ์ฯ คดีจึงถือว่าสิ้นสุด

นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผอ.สบอ.3(บ้านโป่ง) เปิดเผยว่า สำหรับข้างต้นที่เกิดขึ้นนั้น สืบเนื่องจากมีพลเมืองดีเป็นผู้แจ้งเบาะแสเข้ามา จนกระทั่งเจ้าหน้าที่เข้าไปจับกุมตัวนายสมควรได้ในที่เกิดเหตุ ซึ่งก่อนหน้านี้นั้นผู้แจ้งเบาะแสได้รับเงินรางวัลจากกองทุนสวัสดิการ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) ที่จัดตั้งขึ้นตามระเบียบสํานักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการเรี่ยไร ของหน่วยงานรัฐ พ.ศ.2544ข้อ 18 (1) หรือ (3)ไปแล้วจำนวน 1 หมื่นบาท

นอกจากนี้ ผู้แจ้งเบาะแสและเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม จะได้รับเงินรางวัลเป็นสินบนนำจับจากศาล ในอัตราร้อยละ 80 เปอร์เซ็นต์ ของเงินค่าปรับจากจำเลยจำนวน 200,000 บาท เมื่อคำนวณออกมาแล้วจะได้รับเงินรางวัลอีกจำนวนประมาณ 160,000 บาท ซึ่งเป็นไปตามระเบียบกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ว่าด้วย การจ่ายเงินสินบนรางวัล และค่าใช้จ่าย ในการดำเนินงาน พ.ศ.2548 ซึ่งจะต้องจ่ายให้กับนายหวังดีหรือผู้แจ้งเบาะแส และเจ้าหน้าที่ผู้ร่วมจับกุมภายใน 5 วันทำการ นับแต่วันที่ได้รับเงินค่าปรับ

นายนิพนธ์ เปิดเผยว่า สำหรับเงินกองทุน สวัสดิการ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) จัดตั้งขึ้น เมื่อวันที่ 1 ม.ค.2563 จุดประสงค์เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้พิทักษ์ป่า ในกรณีบาดเจ็บและเสียชีวิต หรือในกรณีที่แจ้งเบาะแส จนสามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้ ก็จะได้รับเงินจากกองทุนดังกล่าว

ซึ่งปัจจุบันเงินกองทุนที่มีอยู่เหลืออยู่น้อยมาก หากมีบุคคล หรือ ร้านค้า หรือบริษัท จะร่วมบริจาคเงินกองทุนสวัสดิการ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง )ในการช่วยเหลือ ผู้พิทักษ์ป่า ก็สามารถบริจาคได้ที่บัญชีเงินกองทุนฯ 706-0-82083-3 ธนาคารกรุงไทย สาขาบ้านโป่ง

โดยช่วงกลางเดือนมี.ค.64 ก็ได้รับแจ้งจากบริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) (TTW) ผู้ผลิตน้ำประปาเอกชนรายใหญ่ที่สุดของประเทศ ขอร่วมบริจาคช่วยเหลือกองทุนฯ เป็นจำนวนเงิน 3 หมื่นบาท ดังนั้นทางสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) และผู้พิทักษ์ป่าในสังกัดทุกคน ขอขอบคุณ บริษัทTTW ไว้ในโอกาสนี้ด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน