รวบแล้วมือจี้ชิงทองเชียงราย ก่อคดีต่อเนื่อง 2 ครั้ง เผยเพื่อนร่วมแก๊งอีก 2 คน เป็นชาวเมียนมาหนีข้ามฝั่ง ไปพร้อมทองเกือบ 5 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 2 ก.ค. 2564 ที่สภ.เมืองเชียงราย พล.ต.ต.เฉลิมพล จินตรัตน์ รอง.ผบช.ภ.5 พล.ต.ต.ชินวิช วิชัยธนพัฒน์ ผบก.ภ.จว.เชียงราย พ.ต.อ.โสภณ ม่วงเฟื่อง ผกก.สภ.เมืองเชียงราย พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องรวมกันแถลงการจับกุมนายพิเชษฐ์ ซาวคำเขต อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาชิงทอง 114 บาท ที่ร้านทองเยาวราชสินทวี สาขาตลาดป่าก่อเงี้ยว เขตเทศนครเชียงราย เมื่อวันที่ 26 มิ.ย. 64

พล.ต.ต.เฉลิมพล กล่าวว่า ผู้ต้องหารับสารภาพว่าได้ร่วมกับกับเพื่อนชาวเมียนมา วางแผนก่อเหตุจี้ชิงทอง โดยหลังเก่อเหตุได้หลบหนีออกนอกประเทศไปตามช่องทางผิดกฏหมาย ใกล้บ้านปางห้า ด้าน อ.เชียงแสน จากนั้นนำทองคำที่ได้ไปขายจากเดิมที่ซื้อขายในฝั่งไทยประมาณบาทละ 20,000 บาท ก็นำไปขายได้ประมาณ 18,000 บาท

ปัจจุบันของกลางยังคงอยู่ในฝั่งประเทศเพื่อนบ้านส่วนสาเหตุที่ทำลงไปเพราะต้องการนำเงินไปชำระหนี้สิน นอกจากนี้ยังรับว่าเคยก่อเหตุชิงทองที่ร้านทองสินทวี สาขา ต.บ้านดู่ อ.เมืองเชียงราย เมื่อเดือนม.ค. 64 โดยผู้ร่วมก่อเหตุเป็นชาวเมียนมาเช่นกันแต่เป็นคนละคนกันดังนั้นผู้ต้องใน 2 คดีนี้จึงมี 3 คน ได้มีการประสานไปยังประเทศเพื่อนบ้านเพื่อติดตามจับกุมนำมาดำเนินคดีในฝั่งไทยแล้ว

ทั้งนี้จากกรณีทั้ง 2 คดี ดังกล่าวทำให้ทางตำรวจขอแจ้งเตือนไปยังร้านทองต่าง ๆ ในพื้นที่รับผิดชอบให้ติดลูกกรงป้องกันให้เรียบร้อยเพราะปัจจุบันในประเทศไทยมีการติดตั้งแล้วกว่า 90% แล้วเพราะทำให้เป็นจุดอ่อนให้คนร้ายใช้จู่โจมชิงทองได้

รายงานข่าวแจ้งว่าหลังก่อเหตุนายพิเชษฐ์ พร้อมพวกได้ขี่รถจยย. ไปฝากไว้ที่ชายแดนไทยเมียนมา ก่อนหลบหนีข้ามฝั่งจ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมาไป และเมื่อกลับมายังฝั่งไทยเมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ขับรถไปตามถนนสายอ.เมืองเชียงราย-อ.เทิง แต่มาถูกตำรวจจับกุมได้ในที่สุด

ต่อมาตำรวจได้คุมตัวนายพิเชษฐ์ ไปชี้ที่ร้านทองเยาวราชทวีสิน เลขที่ 149/1 หมู่บ้านต้นลุง ม.11 ต.บ้านดู่ อ.เมืองเชียงราย ซึ่งนายพิเชษฐ์ รับสารภาพว่าเคยร่วมกับเพื่อนอีกคนไปก่อเหตุเมื่อวันที่ 25 ม.ค. 64 ได้ทองไปน้ำหนักรวม 54 บาท โดยใช้การยิงปืนขู่ขึ้นฟ้า 2 นัด เหมือนกัน อย่างไรก็ตามสำหรับท้องที่ต.บ้านดู่ ขึ้นกับสภ.บ้านดู่ อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลหลักฐานเพื่อดำเนินคดี

ส่วนผู้ที่หลบหนีไปนั้นเป็นชาวเมียนมา 2 คน โดยคนหนึ่งก่อเหตุคดีแรก และอีกคนร่วมกันก่อคดีที่ 2 ปัจจุบันหลบหนีอยู่ในเขตประเทศเมียนมาพร้อมของกลางทองคำซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานไปยังคณะกรรมการชายแดนไทย-เมียนมา ระดับท้องถิ่น หรือทีบีซีเพื่อให้ทางการเมียนมาติดตามจับกุมตัวพร้อมหาของกลางมาคืนต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน