เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 8 ธ.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 (บช.ภ.4) เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำโดยนายชาติชาย โทสินธิติ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการพิเศษ, พ.ต.ต.สมพงษ์ เชื้อมหาวรรณ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการพิเศษ, พ.ท.ณพลพงศ์ กมลอาสน์ เจ้าหน้าที่คดีพิเศษชำนาญการพิเศษ, นายธิตินัย พาติกบุตร เจ้าหน้าที่คดีพิเศษชำนาญการพิเศษ และนายสุรศักดิ์ คำเรียง เจ้าหน้าที่คดีพิเศษชำนาญการพิเศษ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ชุดทำหน้าที่ในการตรวจสอบหลักฐาน ทั้งทะเบียนรถและรถยนต์ที่เกี่ยวข้องในการรื้อฟื้นคดีของนางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร หรือครูจอมทรัพย์ เดินทางเข้าให้ปากคำและมอบเอกสารเกี่ยวกับการทำงานต่อพล.ต.ต.ธนาศักดิ์ ฤทธิเดชไพบูลย์ รอง ผบช.ภ.4 และคณะพนักงานสอบสวน โดยมีเพียงนายบารมี จันทรพิสัย พนักงานสอบสวนคดีพิเศษชำนาญการพิเศษ และพ.ต.ท.วัชรัศมิ์ เฉลิมสุขสันต์ คณะทำงาน ไม่ได้เดินทางมาให้ปากคำในวันนี้

พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ชุดที่ 2 นี้ มีนายชาติชาย เป็นหัวหน้าคณะทำงาน ซึ่งได้เข้าให้ปากคำตามที่ได้รับหนังสือจากพนักงานสอบสวน บช.ภ.4 โดยเดินทางมาให้ปากคำพร้อมคณะรวม 5 คน ขณะที่อีก 2 คน ติดราชการที่ต่างประเทศ โดยเจ้าหน้าที่ได้มอบเอกสารการรายงานการปฏิบัติหน้าที่ช่วงที่ลงพื้นที่ตรวจสอบพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับการรื้อฟื้นคดีครูจอมทรัพย์มามอบให้ด้วย

พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ กล่าวต่อว่า การสอบสวนชุดที่ 2 จะเน้นในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับผู้ร้องให้รื้อคดี เพราะเกือบทุกขั้นตอนของการปฏิบัติงานจะเกี่ยวข้องกับผู้รื้อเกือบทั้งหมด ดังนั้น เจ้าหน้าที่ดีเอสไอชุดนี้ ต้องให้การโดยละเอียดทุกขั้นตอน เพราะเจ้าหน้าที่มีประเด็นสอบสวนครอบคลุมไว้ทั้งหมด และต้องตอบชัดเจนทุกประเด็น ซึ่งต้องตอบให้ได้ว่าเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ในส่วนใดบ้าง และที่สำคัญคือการแสดงให้เห็นทราบว่า มีส่วนรู้เห็นหรือไม่อย่างไรกับคดีนี้

รอง ผบช.ภ.4 กล่าวอีกว่า สำหรับทะเบียนรถยนต์เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า มี 2 แผ่นแน่นอน เพราะพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีได้ส่งตรวจที่ ศพฐ. ขณะที่กระทรงยุติธรรม (ยธ.) ได้ส่งอีกแผ่นซึ่งเป็นทะเบียนที่ใหม่กว่าตรวจสอบเช่นกัน ดังนั้น ในเรื่องนี้จะมีการตรวจสอบอย่างละเอียด เพราะมั่นใจว่า ไม่ใช่แผ่นเดียวกัน เมื่อตรวจสอบชัดเจนก็จะนำมาซึ่งหลักฐานอีกชิ้นที่แสดงถึงขบวนการที่ไม่โปร่งใสในการรื้อฟื้นคดี เข้าข่ายแสดงหลักฐานเท็จต่อเจ้าพนักงาน และหากเป็นการสร้างหลักฐานเท็จก็ต้องตรวจสอบอีกว่า ใครเกี่ยวข้องบ้าง

“เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติงานที่ชื่อ “นายเอ็ม” เป็นหนึ่งในคณะทำงาน มีหน้าที่ประสานงานทุกขั้นตอนที่เกี่ยวข้องกับการรื้อฟื้นคดี รวมทั้งมีการติดต่อกับผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับและหมายเรียกด้วย พนักงานสอบสวนต้องสอบเค้นนายเอ็มถึงการประสานงาน ว่าทำอะไรบ้าง ขั้นตอนไหนใครเกี่ยวข้อง ต้องให้มีความชัดเจน เพราะเจ้าหน้าที่ดีเอสไอชุดที่ 2 เป็นชุดที่รู้ข้อเท็จจริงในการรื้อฟื้นคดีมากกว่าชุดแรก” พล.ต.ต.ธนาศักดิ์ กล่าว

รอง ผบช.ภ.4 กล่าวยืนยันว่า การสอบสวนเจ้าหน้าที่ดีเอสไอนั้น เชิญตัวมาสอบในฐานะพยาน ที่เป็นเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานเท่านั้น ไม่ใช่การสอบผู้ถูกกล่าวหาหรือผู้ต้องหาแต่อย่างใด เมื่อการสอบสวนแล้วเสร็จตามขั้นตอน ก็จะมีการตรวจสอบสำนวนการสอบสวน เพื่อพิจารณาและดูเจตนาเป็นหลัก ทำงานกันแบบตรงไปตรงมา หากพบความผิดก็ต้องพิจารณาดูว่าเข้าข้อกฎหมายใดบ้าง ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้สรุป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน