สุดสะเทือนใจ ย่าร่ำไห้ กอดกล่องเถ้ากระดูกหลาน หลังไปทำงานที่เกาหลีใต้ เผย ปมสิ้นใจสลด ทั้งที่เตรียมเริ่มงานใหม่ในเช้าถัดไป ขอบคุณเพื่อนพากลับไทย

วันที่ 5 ก.ย.2565 จากการมีมีผู้ใช้ติ๊กต็อกโพตส์คลิปคุณย่าท่านหนึ่งร้องไห้กอดกล่องเถ้ากระดูกของหลานชาย ท่ามกลางญาติที่ส่งเสียงร้องระงม โดยคลิปดังกล่าวมีผู้เข้าชมกว่า 3 ล้านวิว โดยผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อบุคคลในภาพจนพบว่า เป็นภาพที่เกิดขึ้นที่บ้านพักหลังหนึ่งในพื้นที่ บ้านโนนสง่า ต.โนนเมือง อ.นากลาง จ.หนองบัวลำภู

โดยเหตุการณ์ในคลิปเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมา หลังจากเจ้าหน้าที่สายธารสะพานบุญ นำโดย น.ส.ณีรตรี ศรีมูลดา ประธานสมาคมสายธารสะพานบุญ จ.หนองบัวลำภู ซึ่งเป็นแอดมินเพจ “ที่นี่..เมืองหนองบัวลำภู” กับญาติของผู้ตายนำเถ้ากระดูก นายโชฎิพัฒน์ หรือ เทอร์โบ อายุ 26 ปี ที่ส่งกลับมาจากเกาหลีใต้ที่เสียชีวิตในห้องน้ำที่พักเพื่อนคนงานไทยบ้านเดียวกันในประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยแพทย์แจ้งว่า เสียชีวิตด้วยเหตุหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน ก่อนทางญาติจะติดต่อขอความช่วยเหลือจากสถานทูตไทยในเกาหลีใต้ ให้ดำเนินการเผาศพและนำเถ้ากระดูกกลับมาบำเพ็ญกุศลในเมืองไทย

โดยผู้ใช้ติ๊กต็อกรายนี้ระบุข้อความในภาพว่า “ทำงานจากต่างแดนหวังจะสร้างอนาคตแต่กลับมาแค่เผากระดูก พี่ส่งกลับบ้านแล้วนะ ส่งกระดูกจากเกาหลีมาหนองบัวลำภู” โดยในภาพเป็นนาทีที่ นางป้อม คงดอนหัน อายุ 75 ปี ย่าของผู้ตายที่เลี้ยงหลานคนนี้มาตั้งแต่เล็กเมื่อพ่อแม่แยกทางกัน กอดกล่องเถ้ากระดูกหลานชายร้องไห้คร่ำครวญปิ่มใจจะขาด สร้างความสะเทือนใจต่อผู้พบเห็นอย่างมาก

นอกจากนี้ ผู้ใช้ติ๊กต็อกรายนี้ยังระบุแคปชั่นต่อว่า “พี่ทำตามสัญญา เอาน้องกลับบ้านมาหาพ่อแม่และย่าแล้ว เสียชีวิตจากเกาหลีกลับไทยรับแค่ผงกระดูก” หลังจากคลิปเผยแพร่ออกไป ทำให้มีคนเข้ามาแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นจำนวนมาก หลายรายบอกอดน้ำตาไหลไม่ไหว

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปยังบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งเป็นบ้านของนางป้อมที่เลี้ยงดูหลาน ๆ จนวาระสุดท้ายได้มาจัดทำบุญให้เถ้ากระดูกของ นายโชฎิพัฒน์ ผู้เสียชีวิตจากเกาหลีใต้ ทางพ่อแม่ ย่า ญาติพี่น้องและเพื่อนบ้าน ได้จัดงานทำบุญตั้งประสาทผึ้ง (บุญแจกข้าวก็เรียก) โดยได้ตั้งรูปของ นายโชฎิพัฒน์ผู้เสียชีวิตจากหัวใจวายที่เกาหลีใต้ คู่กับ นายธนากร น้องชายที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุที่ อ.สีชมพู จ.ขอนแก่น เมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา ตามประเพณีแบบชาวอีสาน








Advertisement

นางป้อม เล่าทั้งน้ำตาว่า ผู้ตายเป็นหลานชายที่เกิดจากลูกชายของตน มีด้วยกัน 2 คนพี่น้องเป็นชายทั้งคู่อายุห่างกัน 2 ปี ตนเลี้ยงมาตั้งแต่อายุประมาณ 10 ขวบ หลังจากที่พ่อแม่ของหลานทั้งสองแยกทางกัน จนอายุได้ 22 ปีเศษ จึงเดินทางไปทำงานที่เกาหลีใต้แบบไม่ถูกกฏหมายมานานกว่า 3 ปีแล้ว โดยตนและลูกสาวคือป้าและอาของผู้ตายออกค่าใช้จ่ายให้ไปทำงาน

นางป้อม กล่าวต่อว่า เมื่อ 3 เดือนที่ผ่านมา น้องชายของผู้ตายคือ นายธนากร ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตขณะขับรถจักรยานยนต์เดินทางกลับมาจากกทม.ที่เขต อ.สีชมพู ก่อนถึงบ้านเพียงไม่ถึง 50 กิโลเมตร สร้างความเสียใจเศร้าโศกให้หลานชายมากเพราะมีกันเพียง 2 คนพี่น้อง ทั้งระยะหลังในเดือนที่ผ่านมา โรงงานพลาสติกที่หลานชายทำงานเกิดวิกฤตมีงานน้อยลง สร้างความเครียดให้หลานตนมาก

ดสะเทือนใจ ย่าร่ำไห้ กอดกล่องเถ้ากระดูกหลาน หลังไปทำงานที่เกาหลีใต้ เผย ปมสิ้นใจสลด ทั้งที่เตรียมเริ่มงานใหม่ในเช้าถัดไป

ดสะเทือนใจ ย่าร่ำไห้ กอดกล่องเถ้ากระดูกหลาน หลังไปทำงานที่เกาหลีใต้ เผย ปมสิ้นใจสลด ทั้งที่เตรียมเริ่มงานใหม่ในเช้าถัดไป

“เมื่อวันที่ 10 ส.ค.ที่ผ่านมา หลานแจ้งว่ากำลังนั่งแท็กซี่ไปหาเพื่อนที่เป็นคนงานไทยบ้านเดียวกันเพื่อหางานทำและพักอาศัยอยู่กับเพื่อนคนงานคนดังกล่าวจนสามารถสมัครเข้าทำงานที่เดียวกับเพื่อนได้แล้ว โดยจะเริ่มทำงานในเช้าวันที่ 15 ส.ค.2565 คืนวันที่ 14 ส.ค. นายโชฎิพัฒน์ล้มลงหมดสติในห้องน้ำขณะอาเจียนหนักเนื่องจากการดื่มสุรากับเพื่อนคนงานไทย และหยุดหายใจทันที เพื่อนจึงแจ้งเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบและติดต่อญาติทางเมืองไทย ย่าทราบข่าวประมาณ 02.00 น. เมื่อลูกสาวซึ่งเป็นอาของหลานมาบอกข่าวว่าหลานเสียชีวิตแล้ว ย่าร้องไห้จนไม่มีน้ำตาจะไหล จากวันนั้นถึงวันนี้ 18 วันเต็ม ๆ ถึงได้กระดูกของหลานกลับมาบ้าน” นางป้อม กล่าว

ด้าน นางประหยัด อายุ 55 ปี ป้าของนายโชฎิพัฒน์ กล่าวว่า ต้องขอบคุณสถานทูตไทยในเกาหลีใต้ที่ช่วยเหลือแนะนำญาติในการดำเนินการช่วยเหลือจัดการจนได้เผาศพของนายโชฎิพัฒน์และนำกระดูกกลับมาได้ อีกทั้ง เบื้องต้นญาติเกรงมีความผิดเนื่องจากนายโชฎิพัฒน์เดินทางเข้าไปทำงานแบบผิดกฎหมาย เพราะใช้วีซ่าท่องเที่ยวแต่แอบหนีจากกรุ๊ปทัวร์ไปหาญาติที่แอบหลบซ่อนทำงานอยู่ก่อนแล้ว และซ่อนตัวทำงานในเกาหลีใต้มากว่า 3 ปี

นางประหยัด กล่าวต่อว่า ซึ่งภายหลังญาติได้ติดต่อสถานทูตและยินยอมให้สถานทูตไทยดำเนินการทุกอย่างแบบศพไร้ญาติเพราะค่าใช้จ่ายในการจัดการศพแพงมากญาติไม่มีปัญญาจัดการ และต้องขอบคุณคนไทยในเกาหลีใต้ที่ช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการเผาและส่งเถ้ากระดูกกลับประเทศไทย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน