เมื่อวันที่ 26 ม.ค. นายอานนท์ อรชร อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 26 ม.2 ต.ยางหย่อง อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี สมาชิกชมรมพระเครื่อง จ.เพชรบุรี เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.อิทธิพัทธ์ อยู่สวัสดิโชติ รองผบก.ภ.จว.เพชรบุรี เพื่อร้องเรียนขอความเป็นธรรม หลังถูกตำรวจ สภ.ไร่สะท้อน อ.บ้านลาด ใช้ปืนจ่อหัว จับกุมและยัดเยียดข้อหา ต่อมานายอานนท์ ได้เข้าพบ พนักงานสอบสวน สภ.ไร่สะท้อน เพื่อแจ้งความเอาผิด ตำรวจที่จับกุม ในข้อหาพยายามฆ่ากักขังหน่วงเหนี่ยว และอยู่ระหว่างดำเนินการแจ้งข้อหาเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และข้อหาอื่นๆ เพิ่มเติม

นายอานนท์ เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 25 ม.ค. ที่ผ่านมา ขณะที่ตนขี่รถจยย.ฮอนด้า สกูปปี้-ไอ สีดำ ทะเบียน 1 กก 769 เพชรบุรี เดินทางไปที่ ต.ไร่สะท้อน อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี เพื่อนำพระเครื่องที่ลูกค้าสั่งไปปล่อยเช่า ขณะจอดรถจยย.อยู่บนสะพานหน้าทางเข้าวัดหนองแก ต.ไร่สะท้อน และกำลังแชทไลน์ สอบถามเส้นทางจากลูกค้า จู่ๆมีรถกระบะอีซูซุ ดีแม็ก สีขาว แบบตอนครึ่ง ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน มาจอดต่อท้าย จากนั้นมีชายสวมเสื้อยืดกางเกงยีนส์ ทราบชื่อต่อมาคือ ร.ต.อ.ณรงค์ชัย ใช่ทอง รอง สวป. สภ.ไร่สะท้อน เดินเข้ามาหาตน พร้อมชักอาวุธปืนแมกกาซีน สีดำ จ่อเข้าที่ลำตัว พร้อมบอกให้ตนหยุด เมื่อตนถามกลับไปว่า ผมทำผิดข้อหาอะไร ร.ต.อ.ณรงค์ชัย กลับไม่ตอบ และกระชากกระเป๋าสะพายที่ตนเองนั้นสะพายอยู่ไปรื้อค้น ซึ่งภายในมีเพียงพระเครื่องที่จะนำมาส่งลูกค้า ร.ต.อ.ณรงค์ชัย จึงแสดงบัตรพร้อมลอกว่าเป็นตำรวจ จะขอค้นรถจยย.ของตน ขณะนั้นตนก็ยินยอมให้ตรวจค้น แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย ร.ต.อ.ณรงค์ชัย จึงขอตรวจปัสสาวะเพื่อหาสารเสพติด ตนก็ยินยอมและทำการให้ตรวจในที่เกิดเหตุ ผลปรากฏว่าก็ไม่พบปัสสาวะเป็นสีม่วงเช่นกัน

นายอานนท์ เผยต่อว่า ขณะนั้นเริ่มมีชาวบ้านเข้ามามุงดู ลูกค้าที่สั่งพระตนก็ได้เข้ามาอยู่ในเหตุการณ์ด้วย เมื่อไม่พบความผิดใดๆ ร.ต.อ.ณรงค์ชัย กลับบอกว่า ต้องเอาผิดให้ได้ แล้วเดินกลับไปที่รถจยย.ของตนอีกครั้งพร้อมขอดูสมุดคู่มือจดทะเบียนรถ แต่ตนไม่ได้นำติดมาด้วย ร.ต.อ.ณรงค์ชัยจึงแจ้งข้อหาไม่มีใบสมุดคู่มือจดทะเบียนรถและจะยึดรถจยย. ตนจึงโทรศัพท์หามารดาเพื่อให้นำสมุดคู่มือทะเบียนรถมาให้ พร้อมขอร้อง ร.ต.อ.ณรงค์ชัย ว่าขอให้รอสักครู่ อย่ายึดรถจยย.ของตนเลย แต่ร.ต.อ.ณรงค์ชัย กลับไม่ยินยอม พร้อมได้โทรศัพท์ไปเรียกตำรวจ สภ.ไร่สะท้อนอีก 2 นายให้มาที่เกิดเหตุ เมื่อตำรวจทั้ง 2 นาย มา ร.ต.อ.ณรงค์ชัย ได้บอกให้ตำรวจทั้ง 2 นายนั้นจับตนใส่กุญแจมือ ในข้อหาไม่มีสมุดทะเบียนรถ ตอนนั้นตำรวจทั้ง 2 นาย กล่าวว่าเป็นคดีเล็กน้อยไม่จำเป็นจะต้องใส่กุญแจมือ แต่ ร.ต.อ.ณรงค์ชัยกลับไม่ยอม พร้อมบอกว่า ตนเป็นหัวหน้าสั่งลูกน้องต้องทำตาม ตำรวจทั้ง 2 จึงเข้ามาจับกุม โดยที่ ร.ต.อ.ณรงค์ชัยเป็นคนนำกุญแจมือมาใส่ที่ข้อมือของตนก่อนพาตัวขึ้นแคปรถกระบะ ไปที่โรงพักโดยมีตำรวจขี่รถจยย.ของตนตามไป

นายอานนท์ เผยอีกว่า เมื่อไปถึงโรงพัก ร.ต.อ.ณรงค์ชัยได้พาตนไปที่หน้าห้องสืบสวนและเดินหายไปราว 1 ชั่วโมง และไม่อนุญาตให้ตนติดต่อกับผู้ใด จากนั้นมีตำรวจไม่ทราบชื่อ 2 นายเข้ามาพยายามไกล่เกลี่ยขอให้ยอมความไม่เอาผิดในกรณีที่ ร.ต.อ.ณรงค์ชัย ใช้ปืน จี้มาที่ตน แต่ตนไม่ยินยอม ตำรวจทั้ง 2 นาย ได้เกลี่ยกล่อมอยู่หลายครั้ง แต่ตนยืนกรานที่จะไม่ยินยอม ทางตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหาตนเพิ่มคือ ดูหมิ่นและขัดขืนเจ้าพนักงานในขณะปฏิบัติหน้าที่ พร้อมพาตนเข้าห้องขัง ขณะนั้นได้มีการพูดจาข่มขู่ว่าโทษหนักต้องติดคุก และนำข้อกล่าวหามาให้ตนเซ็นยินยอมรับสารภาพ ด้วยความกลัวว่าจะถูกจับติดคุกจึงยินยอมเซ็นรับสารภาพ ต่อมาแม่และเพื่อนบ้านได้เดินทางมาหาพร้อมยื่นประกันตัวออกในวงเงิน 30,000 บาท ต่อมาเวลา 21.00 น. หลังจากที่ได้รับการประกันตัว จึงเดินทางมาที่ รพ.ท่ายาง ให้แพทย์ทำการตรวจบาดแผลและออกใบรับรองแพทย์ในกรณีที่ถูกกุญแจข้อมือบาดเป็นแผลที่ข้อมือขวา

“การกระทำดังกล่าวของ ร.ต.อ.ณรงค์ชัย เป็นการกระทำที่ลุแก่อำนาจ ใช้อำนาจโดยมิชอบทำเกินกว่าเหตุและพยายามยัดเยียดข้อกล่าวหาต่างๆให้กับตนโดยที่ตนไม่ได้กระทำผิด ที่ผ่านมาตนเป็นผู้บริสุทธิ์ไม่เคยมีประวัติด่างพร้อย ตนเชื่อมาตลอดว่าตำรวจเป็นเจ้าพนักงานที่ปฏิบัติตามกฎหมาย แต่การกระทำดังกล่าว ทำให้ตนรู้สึกหวาดกลัวและเสื่อมศรัทธา ขอวอนให้ตำรวจระดับสูงและผู้บังคับบัญชาดำเนินคดีกับ ร.ต.อ. ณรงค์ชัย อย่างเด็ดขาดเพื่อไม่ให้เป็นแบบอย่างกับตำรวจนายอื่น” นายอานนท์ กล่าวทิ้งท้าย

ด้าน ร.ต.อ.ณรงค์ กล่าวว่า ตนเองเป็นเจ้าพนักงาน ปส. ในพื้นที่ ต.ไร่สะท้อน มีคดียาเสพติดหลายคดี ขณะเกิดเหตุได้พบผู้ต้องหาลักษณะผิดสังเกต จึงเข้าไปขอตรวจค้น ขอยืนยันว่ามีการแสดงบัตร แสดงตน และไม่ได้ชักอาวุธปืน แต่ผู้ต้องหาไม่ยินยอมให้ความร่วมมือ เมื่อตรวจสอบไม่พบยาเสพติด ไม่พบสารเสพติดในตัว จึงตรวจสอบรถพบว่าไม่มีเอกสารสมุดทะเบียนจึงแจ้งความและยึดรถ ยืนยันดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย ไม่มีการชักอาวุธปืนและไม่มีการให้ใครไปไกล่เกลี่ย ยินดีให้ตรวจสอบ

พ.ต.อ.อิทธิพัทธ์ เปิดเผยว่า หลังทราบเรื่อง ทางผู้บังคับบัญชาได้สั่งการให้ ร.ต.อ.ณรงค์ชัย มาช่วยราชการที่ บก.ภ.จว.เพชรบุรี พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น หากพบว่า ร.ต.อ.ณรงค์ชัยผิดจริง ถือเป็นความผิดทางวินัยขั้นร้ายแรง มีโทษสูงสุดคือให้ออกจากราชการ และพร้อมที่จะให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน