วันที่ 28 ม.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับเรื่องร้องเรียนจากนางเกวลี สกุลพันธ์ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 15 หมู่ 5 ต.คลองสระ อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี ว่าได้มีคนเอาบัตรประชาชนและใช้ชื่อตนไปสร้างอินสตาแกรมแล้วนำไปโพสต์ขายสินค้าแบรนด์แนม ทั้งกล้องถ่ายรูป และกระเป๋าตามกลุ่มต่างๆ จนมีผู้เสียหายสั่งซื้อของหลงโอนเงินแต่ไม่ได้รับสินค้า ทำให้ผู้เสียหายได้แจ้งความในหลายพื้นที่ จนเป็นเหตุให้ตนซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกลายเป็นผู้ต้องหา และได้มีหมายศาลและหมายเรียกของสถานีตำรวจจากพื้นที่ต่างๆ ส่งมาที่บ้านรวม 5 หมาย
นางเกวลี กล่าวว่า เมื่อประมาณเดือน ก.ค.60 ได้มีปัญหาทางการเงิน และได้เห็นในอินสตาแกรมที่มีชื่อว่าหลิน ไม่ทราบชื่อ สกุลจริง โพสต์ปล่อยเงินกู้ จากนั้นตนจึงได้ติดต่อทางอินสตาแกรม จะขอกู้เงินจำนวน 20,000 บาท จากนั้นคนชื่อหลินได้ให้ตนส่งหลักฐานแสดงรายได้ จึงได้ส่งใบเสร็จการซื้อขายน้ำยางไปให้ ต่อมาเมื่อประมาณเดือน ส.ค.60 คนชื่อหลินได้ตอบกลับมาว่าเงินอนุมัติแล้วให้ตนไปเปิดบัญชีธนาคารใหม่ พร้อมกับให้ส่งบัตรประชาชนตัวจริง สำเนาทะเบียนบ้าน บัตรเอทีเอ็ม และซิมการ์ดโทรศัพท์ ไปให้ โดยอ้างว่าจะให้โอนเงินคืนในบัญชีที่ตนเปิดใหม่ เพราะจะเป็นการหลบหลีกเจ้าหน้าที่เนื่องจากปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยร้อยละ 10 ซึ่งเกินที่กฎหมายกำหนด ส่วนซิมโทรศัพท์จะใช้ติดต่อกันส่วนตัว จนหลงเชื่อส่งไปให้
จากนั้นผ่านไปประมาณ 1 เดือน ตนได้ติดต่อไปที่คนชื่อ หลิน ปรากฏว่าติดต่อไม่ได้และได้ปิดอินสตาแกรมหนีไปแล้ว จึงได้ไปอายัดบัญชีธนาคารที่เปิดเพื่อจะกู้เงิน แต่หลังจากนั้นอีก 1 เดือนต่อมา ตนกลับได้หมายเรียกจาก สภ.เมืองสมุทรสงคราม ลงวันที่ 12 ก.ย.60 ให้ไปพบพนักงานสอบสวนข้อหาฉ้อโกงประชาชน ในวันที่ 21 ก.ย.60 โดยมีผู้เสียหายแจ้งความว่าถูกหลอกขายสินค้า แต่ตนก็ไม่ได้ไปตามหมายเรียก เนื่องจากไม่มีเงินอีกทั้งคิดว่าไม่เคยฉ้อโกงใคร แต่ก็ยังได้รับหมายเรียกจากพนักงานสอบเพิ่มอีก 4 หมาย และหมายศาลนัดไต่สวนคำฟ้องอีก 1 หมาย ทำให้ตนตกใจและกลัวเป็นอย่างมาก โดยเมื่อวันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมาได้เข้าไปแจ้งความไว้ที่ สภ.กาญจนดิษฐ์
นางเกวลี กล่าวต่อว่า หลังจากได้มีหมายนัดไต่สวนมูลฟ้องของศาลจังหวัดสมุทสงคราม ลงวันที่ 6 ธ.ค.60 โดยมีตนเป็นจำเลย เมื่อดูหลักฐานในการฟ้อง ระบุว่ามีผู้ใช้อินสตาแกรม นามว่า oilly_kewalee โฆษณาว่ามีสินค้าขายหลายประเภทที่ราคาถูกกว่าท้องตลาด พร้อมกับมีรูปสินค้าและบัตรประชาชนของเกวลีถ่ายคู่กับสินค้า พร้อมกับเลขบัญชี ชื่อ ตรงกับบัญชีที่เปิดเพื่อกู้เงิน จึงรู้ว่าถูกคนชื่อหลินได้นำข้อมูลไปหลอกคนอื่น ซึ่งตอนนี้เดือดร้อนมากครอบครัวก็ยากลำบากจึงตัดสินใจยอมโค่นสวนยางพาราจำนวน 3 ไร่ จาก 10 ไร่ เพื่อขายไม้ ได้เงินมา 12, 000 บาท เป็นค่าเดินทางที่จะไปตามที่หมายศาลเรียกเพื่อไปยืนยันความบริสุทธิ ก่อนมีผู้นำท้องถิ่นในพื้นที่ประสานผู้สื่อข่าวเข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป
