สุดสะเทือนใจ ผัวโหมงานหนัก ขับจักรยานยนต์พาเมีย ฝ่าสายฝน เสียหลักพุ่งชนเสาไฟเสียชีวิต เมียสาหัสนอนจับมือผัว ร่ำไห้เรียก “อ้าย อ้าย”
เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 31 ก.ค.2566 ร.ต.อ.สมชาย ใต้เมืองปักษ์ รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.บ้านเทื่อม รับแจ้งเหตุรถจักรยานยนต์ชนเสาไฟส่องสว่าง บริเวณถนนบ้านค้อ ม.7 ต.เขือน้ำ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบพร้อมแพทย์เวร โรงพยาบาลบ้านผือ และหน่วยกู้ชีพ อบต.เขือน้ำ
ที่เกิดเหตุเป็นถนน 2 เลน พบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ ทะเบียน กฉ3483 อุดรธานี สภาพเสียหลักชนเสาไฟส่องสว่าง พลิกคว่ำอยู่ในป่าริมถนนขาออกหมู่บ้าน ใกล้กันพบผู้เสียชีวิตชื่อ นายโอลิศ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 44 ปี สภาพศพคอหัก นอนหงายเสียชีวิต ใกล้กันพบผู้บาดเจ็บสาหัสชื่อ นางดวงจันทร์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี ภรรยา สภาพแขนขวาหัก นอนงายทับอยู่บนรถจักรยานยนต์ และจับมือสามีอยู่ตลอดเวลา
เจ้าหน้าที่รีบนำนางดวงจันทร์ผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี แพทย์ตรวจอาการแล้วพบว่าเลือดคลั่งในสมอง จากนั้นแพทย์ได้ทำการชันสูตรพลิกศพนายโอลิส พบว่าคอหักเสียชีวิตมาประมาณ 3 ชั่วโมง สันนิษฐานว่าวูบหรือหลับใน
จากการสอบสวน นายวทัญญู ไชยวงษ์กอง อายุ 26 ปี ผู้ช่วยเจ้าพนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อบต.เขือน้ำ ให้การว่า เมื่อเวลาประมาณ 06.00 น. ได้รับแจ้งว่ามีอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนเสาไฟส่องสว่าง ริมถนนบ้านค้อ มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ จึงรีบไปที่เกิดเหตุ
นายวทัญญู กล่าวต่อว่า ภาพที่เห็นคือ สามีและภรรยาขับรถจักรยานยนต์เสียหลักชนเสาไฟส่องสว่าง สามีนอนหงายคอหักเสียชีวิต ตัวเหลืองซีด ส่วนภรรยาแขนขวาหัก มือซ้ายจับมือซ้ายของสามี หมวกกันน็อกก็ตกอยู่ข้าง ๆ เสื้อผ้าทั้งสองเปียกฝน จึงรีบช่วยผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาล ส่วนผู้ตายพบว่าคอหักเสียชีวิต ซึ่งญาติบอกว่าผู้ตายและภรรยาเลิกงานกลางดึก และขับรถกลับบ้านฝ่าสายฝน คาดว่าทัศนวิสัยไม่ดี หรือหลับในจนเสียหลักชนเสาไฟฟ้า
ด้าน น.ส.มุก คำภูวงษ์ อายุ 60 ปี เจ้าหน้าที่กู้ชีพ อบต.เขือน้ำ กล่าวว่า เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ เห็นนางดวงจันทร์นอนจับมือนายโอลิศ พร้อมกับเรียกผู้ตาย “อ้าย อ้าย” ตลอดเวลา โดยไม่ทราบว่าสามีเสียชีวิต ซึ่งเป็นภาพที่สะเทือนใจเจ้าหน้าที่และชาวบ้านที่พบเห็น เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบก็พบว่านายโอลิสเสียชีวิตแล้ว จึงได้บอกผู้บาดเจ็บว่า “พี่เขาไปดีแล้ว” ผู้บาดเจ็บก็น้ำตาไหล จึงรีบนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลบ้านผือ และได้ส่งต่อไปที่ โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี
ต่อมาเวลา 11.00 น.วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวเดินทางไปบ้านพักหลังหนึ่ง ม.7 บ้านค้อ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นสถานที่บำเพ็ญกุศลศพ นายโอลิศ โดยมีญาติพี่น้องและชาวบ้านที่ทราบข่าวเดินทางมาร่วมงานจำนวนมาก
นายวันดี (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 71 ปี พ่อตาของนายโอลิศ กล่าวว่า ลูกเขยกับลูกสาว มีลูก 2 คน อายุ 17 ปี และ 12 ปี ทั้งสองเป็นคนขยันทำมากิน จะขับรถจักรยานยนต์ไปทำงานที่โรงงานแปรรูปยางพารา ที่บ้านพระธาตุบังบวน จ.หนองคาย ห่างจากบ้านประมาณ 20 กิโลเมตร หลังจากเลิกงานก็จะขับรถจักรยานยนต์กลับมารับจ้างเฝ้าสวนยางและกรีดยาง ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุ 1 กิโลเมตร
นายวันดี กล่าวต่อว่า ก่อนเกิดเหตุทั้งสองได้เข้างานกะดึก เวลา 17.00-02.00 น. และจะขับรถกลับมาเฝ้าสวนยาง ซึ่งเมื่อคืนนี้มีฝนตกตลอดคืน ต่อมาเวลาประมาณ 05.30 น. ญาติซึ่งจะออกไปเก็บเห็ด ได้มาพบทั้งสองประสบอุบัติเหตุ จึงได้แจ้งให้ทราบและแจ้งเจ้าหน้าที่มาให้ช่วยเหลือ
นายวันดี กล่าวอีกว่า พอตนไปที่เกิดเหตุ พบว่าเจ้าหน้าที่นำนางดวงจันทร์ ซึ่งบาดเจ็บสาหัส แขนขวาหักส่งโรงพยาบาล ทราบว่าเลือดคั่งในสมองต้องผ่าตัดด่วน ส่วนลูกเขยคอหักเสียชีวิตคาที่ คาดว่าลูกเขยทำงานหนัก พักผ่อนน้อย ทำให้วูบหรือหลับในขณะขับรถกลับบ้าน จึงเกิดอุบัติเหตุ ซึ่งตนไม่ได้ติดใจในการเสียชีวิต และจะทำพิธีฌาปนกิจลูกเขยในวันนี้