บอร์ด สปสช. เห็นชอบแผนเร่งรัดใช้งบปี’66 ไปพลางก่อน หลัง พ.ร.บ.ปีงบ’67 ระหว่างจัดทำ เผยสำนักงบฯ โอนเงินให้ 94,841 ล้านบาท คาดโอนเงินงวดแรก ภายใน 2 สัปดาห์ของ ต.ค.นี้

8 ต.ค. 66 – นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า เนื่องจากอยู่ระหว่างจัดทำ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 และกว่าที่งบประมาณปี 2567 จะได้รับอนุมัติออกมา คาดว่าน่าจะประมาณ พ.ค. 2567

จึงจำเป็นต้องมีการของบประมาณมาใช้ในกรณีสิทธิประโยชน์ใหม่หรือตามนโยบายรัฐบาล จึงจำเป็นต้องใช้งบประมาณ 2566 ไปพลางก่อน ซึ่งสำนักงบประมาณได้ให้วงเงินมา 66.65% ตามกรอบวงเงินของปีงบประมาณ 2566 เป็นจำนวนเงิน 94,841 ล้านบาท

ดังนั้น ในการประชุมบอร์ด สปสช. เมื่อวันที่ 2 ต.ค.ที่ผ่านมา จึงมีมติเห็นชอบแผนเร่งรัดการโอนงบประมาณในระหว่างการใช้งบประมาณไปพลางก่อน โดยให้มีผลดำเนินการต่อได้ทันที เพื่อให้หน่วยบริการในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติมีความมั่นใจในการให้บริการกับประชาชน

โดยหลักการโอนงบประมาณ สปสช.จะเร่งโอนเงินงวดแรกของปีงบประมาณ 2567 ซึ่งเป็นงบเหมาจ่ายรายหัวภายใน 2 สัปดาห์ของ ต.ค. 2566 ส่วนค่าบริการจ่ายตามผลงานบริการ จะเร่งรัดโอนงวดแรกภายใน 24 ต.ค. 2566

หลังจากนั้นการโอนเงินจะเป็นไปตามประกาศใน 2 เรื่อง ประกอบด้วย 1. ประกาศคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์การดำเนินงานและการบริหารจัดการกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 และ 2. ประกาศ สปสช. ที่กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการจ่ายค่าใช้จ่ายเพื่อบริการสาธารณสุขและที่สำคัญ

นอกจากนี้ สปสช.จะมีงบประมาณอยู่ส่วนหนึ่ง และจะต้องเร่งรัดปิดบัญชีงบประมาณภายในวันที่ 30 ต.ค. 2566 โดยประชุม บอร์ด สปสช. ครั้งต่อไป พ.ย.นี้ จะใช้ตามประกาศข้อ 8.4.11 กรณีที่ปิดบัญชีงบประมาณปี 2566 แล้วมีงบประมาณคงเหลือ สามารถนำมาใช้ในปีงบประมาณ 2567 ได้ตามที่บอร์ด สปสช. อนุมัติ

สำหรับหน่วยบริการในพื้นที่ กทม.ซึ่งเป็นพื้นที่พิเศษ ให้เร่งรัดปิดบัญชีงบประมาณปี 2566 และเร่งรัดจัดสรรเงิน โดยค่าใช้จ่ายที่คงค้างอยู่ให้นำไปรวมในปีงบประมาณ 2567 ซึ่ง สปสช.ได้โอนเงินจากการเร่งรัดให้หน่วยบริการในพื้นที่ กทม.แล้วเมื่อวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา








Advertisement

นพ.จเด็จกล่าวว่า สำนักงบประมาณ อนุญาตให้ สปสช.สามารถปรับเกลี่ยวงเงิน 66.65% ได้ทั้ง 12 รายการในการจัดสรรเงินค่าบริการให้กับหน่วยบริการ ฉะนั้น จึงไม่จำเป็นว่าต้องเป็น 66.65% ทุกรายการ และจะมีบางรายการที่ได้เกือบ 100% เช่น ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับหน่วยบริการในพื้นที่กันดาร และเสี่ยงภัยฯ ค่าบริการทางการแพทย์เพื่อสนับสนุนเป้นค่าเสื่อมของหน่วยบริการ ฯลฯ ในส่วนงบประมาณที่อาจน้อยกว่า 66.65%

เช่น เงินช่วยเหลือเบื้องต้นผู้รับบริการและผู้ให้บริการ ค่าบริการสาธารณสุขระดับปฐมภูมิที่มีแพทย์ประจำครอบครัว ค่าบริการควบคุม ป้องกัน และโรคเรื้อรัง ฯลฯ โดยเป็นเรื่องของรอบการโอนงบประมาณ หรือข้อมูลการใช้จ่าย จึงอาจทำให้บางรายการมีสัดส่วนที่น้อยกว่ากรอบวงเงินที่กำหนดไว้

อย่างไรก็ตาม รายการที่งบประมาณแถวหลักคือ ค่าบริการทางการแพทย์ เอชไอวี โรคเอดส์ ผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง และการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค (P&P) ซึ่งเป็นวงเงินงบประมาณที่ค่อนข้างจะเยอะ สปสช.ไม่ได้มีการปรับลด โดยอยู่ที่ 63-67%

“การจะโอนเงินเร็วได้ภายในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือน ต.ค. สำหรับงบเหมาจ่ายร่ายหัว เราได้มีการคำนวณเงินในระดับ CUP ซึ่งวงเงินนี้จะร่วมเงินของ รพ.สต.ที่ถ่ายโอนด้วย ฉะนั้น วงเงินตรงนี้ก็จะต้องมีการทำข้อตกลงเพื่อจะได้โอนเงินเร็วขึ้น” เลขาธิการ สปสช. กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน