เมื่อเวลา 01.30 น. วันที่ 15 มี.ค. พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. พร้อมด้วยพล.ต.ต.ประเสริฐ เงินยวง ผบก.ทท.1 พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รอง ผบก.ทท.1 พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบก.สปพ. เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สปพ. บช.ปส. บช.สตม. และสน.บางรัก ร่วมกันแถลงผลปิดล้อมตรวจค้นบุคคลต่างด้าวที่อยู่ในประเทศไทยโดยผิดกฎหมายตามยุทธการ X-RAY OUTLAW FOREIGNER ครั้งที่ 4 รวม 111 จุดทั่วประเทศ สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 122 คน

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้จัดกำลังระดมกวาดล้างปิดล้อมตรวจค้นบุคคลต่างด้าวทั่วประเทศรวม 111 จุด สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 122 คน โดยแบ่งเป็นข้อหา “บุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยสิ้นสุดการอนุญาต” รวม 20 คน แยกเป็นสัญชาติอียิปต์ 2 คน รัสเซีย 1 คน เนเธอร์แลนด์ 1 คน ลาว 1 คน เมียนมา 1 คน อินเดีย 5 คน กรีก 1 คน กัมพูชา 4 คน จีน 2 คน เวียดนาม 1 คน กาตาร์ 1 คน ซึ่งในส่วนนี้พบว่ามีผลของสารเสพติดทั้งประเภทของกัญชา โคเคน และเมทแอมเฟตามีน

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า ส่วนข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต” จำนวน 84 คน แบ่งเป็นสัญชาติอินเดีย 25 คน เมียนมา 31 คน ลาว 18 คน กัมพูชา 4 คน เวียดนาม 1 คน อิรัก 1 คน ไนจีเรีย 2 คน อัฟกานิสถาน 1 คน และข้อหา “ทำงานผิดประเภทใบอนุญาต” จำนวน 14 คน แบ่งเป็นสัญชาตเวียดนาม 8 คน เมียนมา 5 คน ไทย 1 คน ในส่วนของการจับกุมผู้ต้องหาอยู่เกินกำหนดเวลานั้นส่วนมากจะเป็นคนผิวสีที่เข้ามาประกอบอาชีพนักฟุตบอลสโมสรของประเทศไทย เป็นครูสอนภาษาตามโรงเรียนนานาชาติต่างๆ และบาทหลวง

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า สำหรับการขยายผลจับกุมนั้น ยังมีการขยายผลอย่างต่อเนื่องซึ่งการตรวจค้นก่อนหน้านี้ได้กวาดล้างตรวจค้นทั้งส่วนอาชีพครูสอนภาษาโรงเรียนนานาชาติไปแล้วประมาณ 10 โรงเรียน สโมสรฟุตบอลต่างๆที่มีคนผิวสีหรือชาวต่างชาติที่อยู่เกินกว่ากำหนด หลังจากนี้จะต้องทำร่วมกันบูรณาการตรวจค้นในทุกมิติมากขึ้น หลังจากจับกุมมาแล้วในส่วนนี้จะดำเนินคดีอาญาตามกฎหมายและทำการเก็บดีเอ็นเอเพื่อขึ้นแบล็กลิสต์และป้องกันไม่ให้ปลอมวีซ่าหรือพาสสปอร์ตกลับเข้ามายังประเทศไทยอีก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน