เมื่อวันที่ 25 มี.ค. พ.ต.ท.อรรถพงษ์ แสนใจวุฒิ สารวัตรตำรวจท่องเที่ยวกระบี่ รับแจ้งเมื่อกลางดึกที่ผ่านมาว่า มีเรือไดร์วิ่งชื่อเรือชลธารานำนักท่องเที่ยวไปดำน้ำที่ทะเลเกาะลันตา และระหว่างเดินทางกลับมาที่เกาะพีพี บริเวณเกาะห้า อ.เกาะลันตา เรือเกิดไฟลุกไหม้ ทำให้ลูกเรือและนักท่องเที่ยวต้องลงไปลอยคอในทะเลเอาชีวิตรอด เกิดเหตุเมื่อประมาณเที่ยงคืนที่ผ่านมา ซึ่งหลังรับแจ้งประสานหน่วยงานต่างๆ เช่น อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยว จ.กระบี่ ตำรวจน้ำกระบี่ รวมทั้งชมรมวิทยุสมัครเล่นเกาะพีพี ก็ประสานไปยังเรือที่อยู่ในทะเล จนทราบว่าเวลาประมาณ 01.00 น. วันที่ 25 มี.ค. มีเรือเข้าช่วยเหลือนำนักท่องเที่ยวและคนเรือรวม 35 คน ขึ้นเรือและเดินทางไปยัง จ.ภูเก็ตแล้ว

หลังจากนั้นประมาณ 05.00 น. ทางตำรวจท่องเที่ยวกระบี่ เดินทางไปยังท่าเรือเอเชียมารีน่า ที่ จ.ภูเก็ต พบว่า เรือสคูบ้าเน็ต จึงเข้าไปช่วยเหลือและนำนักท่องเที่ยวซึ่งเป็นชาวไทยทั้งหมดขึ้นที่เท่าเรือดังกล่าวแล้ว จึงรับกัปตันและช่างเครื่องเรือชลธารา ซึ่งเป็นเรือลำเกิดเหตุเพลิงไหม้เดินทางกลับมาสอบสวนที่ สภ.เกาะลันตา จ.กระบี่ ท้องที่เกิดเหตุเพื่อสอบสวน

เบื้องต้นทราบว่า เรือชลธาราซึ่งเป็นเรือไดร์วิ่งนำนักท่องเที่ยวชาวไทยเดินทางไปดำน้ำท่องเที่ยวในทะเลแถบฝั่งอันดามันตั้งแต่ จ.สตูล ตรัง กระบี่ และจะกลับไปยังจ.ภูเก็ต แต่ระหว่างเดินทางกลับจากเกาะลันตา มุ่งหน้าเกาะพีพี มาถึงที่เกิดเหตุข้างเกาะห้า เรือเกิดเพลิงไหม้ขึ้น ลูกเรือและนักท่องเที่ยวต้องลงไปลอยคอในทะเล และโชคดีที่มีเรือเข้ามาช่วยเหลือได้ เบื้องต้นไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต มีเพียงทรัพย์สินต่างๆ และเรือได้รับความเสียหาย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะสอบสวนข้อเท็จจริงต่อไป

นาวาตรี ชัยศิริ ขุนดำ ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขากระบี่ กล่าวว่า เรือโดยสารหรือเรือบริการนักท่องเที่ยวต้องตรวจสอบเรือและเครื่องยนต์เรือ กรณีที่ขับเรือเดินทางไกล โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีความไวไฟอยู่แล้ว ช่างเครื่องหรือนายท้ายเรือต้องคอยตรวจเช็คความร้อน และแรงดันของไอน้ำมันอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรือดำน้ำที่ต้องระมัดระวังถังออกซิเจนเป็นพิเศษ เนื่องจากถังออกซิเจนเป็นวัตถุที่ไวไฟด้วยเช่นกัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน