วรวัจน์ ยันรัฐบาลเดินหน้า แจกเงินหมื่นตามเป้า เชื่อเศรษฐกิจจะดีขึ้น ชี้แก้ รธน.ต้องฟังเสียงพรรคร่วม
เมื่อวันที่ 27 ต.ค.67 นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล สส.แพร่ พรรคเพื่อไทย กล่าวกรณีการเดินหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ตยังไม่สามารถเดินหน้าได้ทั้งระบบ และการแก้รัฐธรรมนูญที่เป็นนโยบายหาเสียงยังไม่สามารถเดินหน้าได้ว่า
โครงการดิจิทัลวอลเล็ตเป็นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ด้วยข้อจำกัดที่มีคนพยายามจะไม่ให้ทำ เราก็พยายามแก้ไขข้อจำกัดในการเดินหน้า แม้จะชะงักไปแต่ตั้งใจเดินหน้าให้สำเร็จให้ได้ เพราะจากข้อเท็จจริงวันนี้คนไทยทุกคนเกิดภาวะชะงักงันด้านการหมุนเวียนการเงิน วันนี้ดิจิทัลวอลเล็ตเฟสแรกไปอยู่ที่ภาคการบริโภคเป็นหลัก แต่ก็ทำให้การหมุนเวียนทางเศรษฐกิจมีการผลิตของมาตอบสนองการบริโภค แม้จะออกไม่พร้อมกันแต่จะทยอยออกไปเรื่อยๆ เมื่อเศรษฐกิจเริ่มขยับ ภาวะชะงักงันไม่มีเงินใช้สอยจะค่อยๆ ดีขึ้น ประชาชนเริ่มขยับได้บ้าง
นายวรวัจน์ กล่าวต่อว่า วันนี้เมื่อเงินก้อนแรกออกไป เราได้เห็นความคึกคักในตลาดดีกว่าช่วงก่อนหน้านี้ที่นิ่งเลย ยืนยันพรรคเพื่อไทยก็จะพยายามขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยดิจิทัลวอลเล็ตได้ตามเป้าให้ได้ ส่วนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ คงต้องเจรจากับพรรคร่วมว่าใครมีความเห็นอย่างไร ต้องพยายามทำให้สำเร็จเช่นกัน ตอนนี้พยายามทำกันอยู่ เพราะการแก้รัฐธรรมนูญควรต้องทำให้ได้ สองเรื่องนี้เป็นนโยบายสำคัญที่เราต้องเดินหน้าต่อ
เมื่อถามว่าระหว่างที่ทั้งสองนโยบายสำคัญยังไม่เป็นตามเป้า พรรคเพื่อไทยจะมีนโยบายอะไรมาเสริมหรือไม่ นายวรวัจน์ กล่าวว่า นโยบายของเพื่อไทยมีหลายส่วน ตอนนี้เราพยายามขับเคลื่อนผู้ประกอบการขนาดกลางลงมาให้เข้าสู่การส่งออก สิ่งที่เราเร่งทำ คือการดึงเม็ดเงินจากนักลงทุนต่างประเทศเข้ามา และผลักดันสินค้าไทยให้ออกไปสู่ต่างประเทศ รวมถึงท่องเที่ยวก็ต้องทำ และเป็นฟู้ดซีเคียวริตี้ของแต่ละประเทศ ให้ไทยเป็นศูนย์กลางการหมุนเวียนสินค้า เพราะขณะนี้มีสงครามระหว่างภูมิภาค แต่ละประเทศไม่ใช่จะมีปัญหาเรื่องเชื้อเพลิงอย่างเดียว เรื่องอาหารก็สำคัญ เราพยายามทำให้ไทยเป็นฐานการผลิตอาหารให้แต่ละประเทศ ส่วนจะสร้างคะแนนนิยมให้พรรคเพื่อไทยได้หรือไม่นั้น ฐานเสียงของเพื่อไทยอยู่ที่เกษตรกร
นายวรวัจน์ กล่าวว่า ในอดีตได้รับการช่วยเหลือในภาคการเกษตรเบื้องต้น ตอนนี้เราผลักดันให้มีการแปรรูปสินค้าเกษตรมากยิ่งขึ้น แต่ด้วยความไม่ต่อเนื่องทางการเมืองทำให้ชะงักงัน แต่จากนี้รัฐบาลเริ่มตั้งตัวได้แล้ว การเมืองค่อนข้างนิ่ง ต่างประเทศมั่นใจ ทำให้มีเม็ดเงินมาลงทุนมากขึ้น เห็นได้ชัดในตลาดหลักทรัพย์ จากนี้น่าจะทำให้หลายอย่างดีขึ้น แม้จะขยับช้าๆแต่เริ่มขยับแล้ว การแก้ไขปัญหาเศรษฐจะดีขึ้น ทำให้คนมั่นใจการทำงานของพรรคเพื่อไทยในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ
แม้ครั้งนี้จะช้า เพราะเป็นรัฐบาลพรรคร่วม แต่ก็ดีกว่าสมัยก่อนที่เป็นพรรคการเมืองอื่น ตอนนี้คนเริ่มมั่นใจในพรรคเพื่อไทย เราอาจขาดช่วงการบริหารไป ทำให้พรรคเพื่อไทยอ่อนแอไประยะหนึ่ง แต่ตอนนี้เสียงประชาชนมั่นใจเพื่อไทย และเขาเชื่อว่าจะเดินหน้านโยบายได้จริง