เรียก 3 ลูกหนี้มีชื่อในจดหมาย ลุงจบชีวิตหน้าเทศบาล เปิดใจปมยืมเงิน ทำบันทึกผ่อนหนี้คืนญาติ คนแรกเดือนละ 2,500 บาท คนที่เหลือผ่อนเหลือละ 2,000 บาท
เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 21 ธ.ค.67 จากกรณีเพจ สายไหมต้องรอด โพสต์เรื่องราวลุงคนหนึ่งผูกคอตายบนต้นไม้ หน้าเทศบาลใน จ.ปทุมธานี พร้อมเขียนจดหมายใส่กระดาษ ตัดพ้อเรื่องที่มีคนยืมเงินไปจำนวนมากและไม่ยอมคืน
โดยมีข้อความระบุว่า “#แอดครับ ขอความเป็นธรรมให้คนตายด้วยครับ : ลุงเจริญ อายุ 61 ปี อดีตเจ้าหน้าที่เทศบาล ตัดสินใจปลิดชีพตัวเอง หลังถูกลูกหนี้ที่ใช้ชีวิตกินหรู อยู่สบาย รับราชการอยู่ในเทศบาล เบี้ยวไม่ยอมจ่ายหนี้ จนทำให้ตัวลุงเองไม่มีเงินจะกินข้าว มาทวงหนี้ที่เทศบาล ก็ไม่มีใครให้แก แกจึงตัดสินใจมาจบชีวิตตัวเองที่หน้าเทศบาล…(แห่งหนึ่งใน จ.ปทุมธานี) เมื่อวันพุธที่ 18 ธ.ค.67 เวลา ประมาณ 02.00 น.”
“แกเขียนจดหมายลาตายไว้ด้วยครับ ลุงแกไม่มีครอบครัว ไม่มีลูก ไม่มีภรรยา ที่จะมาเรียกร้องความเป็นธรรมครับ เหลือญาติแต่ทุกคนก็เงียบกันหมด แบบนี้คนตายจะได้รับความเป็นธรรมจากไหนครับ ตอนนี้ลูกหนี้ลุงพยายามวิ่งปิดข่าวให้แซด”
#ล่าสุด วิญญานลุงเฮี้ยนมาก ใครผ่านไปผ่านมาหน้าเทศบาล หลายคนบอกเห็นลุงร้องไห้อยู่ที่ต้นไม้ต้นนั้นตลอด จนบางคนขนหัวลุกไม่กล้าผ่าน หลวงพ่อที่วัดเลยต้องไปทำพิธีเชิญดวงวิญญานลุงมาที่วัดวันนี้เองครับ #ฝากพี่เอกภพ #เพจสายไหมต้องรอด ช่วยเป็นกระบอกเสียง คืนความยุติธรรมให้คนตายด้วยนะครับ วันเสาร์นี้เขาจะเผาศพลุงแล้ว กลัวเรื่องจะเงียบ พวกพนักงานเทศบาลเขาสงสารลุงกันมากครับ #ฝากพวกเราทวงคืนความเป็นธรรมให้ลุงด้วย
สำหรับความคืบหน้า ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่สำนักงานเทศบาลตำบลลำลูกกา นายกิตติเดช ลานทอง นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลลำลูกกา ให้สัมภาษณ์ว่า ลุงเจริญ อายุ 61 ปี เป็นพนักงานเทศบาลและเกษียนก่อนที่ตนจะมาเป็นนายกเทศมนตรีประมาณ 5-6 ปีแล้ว ส่วนการกู้หนี้ยืมสินนั้น ตนไม่รู้เรื่อง มารู้เรื่องตอนที่เขาผูกคอตายบนต้นไม้หน้าเทศบาลตำบลลำลูกกา และมีจดหมายเขียนว่าใครยืมเงินไป พร้อมทั้งให้ตนเป็นธุระในการจัดการหนี้สินให้ทั้งหมด
นายกิตติเดช กล่าวว่า หลังทราบเรื่อง ได้เรียกคนที่มีชื่ออยู่ในจดหมายนั้นมาพูดคุย พร้อมทั้งพี่สาวของลุงด้วย และมีปลัดเทศเทศบาลเป็นสักขีพยาน คนแรกที่มีชื่อได้ยืมเงินไป 750,000 บาทนั้นจริงหรือไม่ อีกฝ่ายบอกว่าไม่จริง ยืมไปเพียง 34,000 บาทเท่านั้น คนที่สองยืมไป 40,000 บาท เหลืออีก 1 หมื่นบาท เพราะใช้เงินสดไปแล้ว คนที่สามยืม 30,000 บาท
นายกิตติเดช กล่าวว่า ตนก็บอกว่าทั้งหมดต้องใช้หนี้ให้หมด คนแรกเดือนละ 2,500 บาท คนที่สองและคนที่สามเดือนละ 2,000 บาท ตนได้เรียกนิติกรมา เพื่อทำบันทึกหักยอดเงินคืนให้พี่สาวผู้ตาย ส่วนผู้ตายยืมเงินคนในเทศบาลไป 80,000 บาทนั้น ใช้มาแล้ว 5 หมื่นบาท เหลืออีก 3 หมื่น ก็ให้ทุกคนมาทำข้อตกลงกันหมดแล้ว
“ผู้เสียชีวิตเป็นพนักงานเทศบาลได้เงินบำนาญเป็นเงินประมาณ 2 แสนกว่าบาท ก็ต้องให้พี่สาวเป็นผู้จัดการมรดก ส่วนทั้ง 3 คนมีชื่ออยู่ในจดหมายนั้น เป็นคนของเทศบาล เราต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกคน ทั้งผู้เสียชีวิต และคนที่ยังอยู่ด้วย”
ด้านพล.ต.ต.ยุทธนา จอนขุน ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี กล่าวว่า ได้เข้าไปสืบสวนกับทางพี่สาวของผู้เสียชีวิต พบไม่ได้ติดใจ แต่ฝ่ายสืบสวน สภ.ลำลูกกา กำลังเข้าไปตรวจสอบและสอบสวนเพื่อนร่วมงานในเทศบาล ซึ่งเรากำลังพยายามสืบสวนว่ามีใครที่ไปกู้เงินบ้าง