รวบขบวนการขนยาบ้า หลังมีพิรุธเลี้ยวเข้าปั๊มก่อนเจอด่าน ค้นรถยึดยาบ้าเฉียด 2 แสนเม็ด สารภาพรับจ้างขนจากชายแดนไทย-ลาว ไปส่งนครสวรรค์
เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 24 มี.ค.2568 พล.ต.ต.ฐเดช กลุ่มเกลี้ยง ผบก.ภ.จว.พิจิตร พร้อมด้วย พ.ต.อ.ประวิทย์ แหวนหล่อ ผกก.สภ.วชิรบารมี รับรายงานจาก ร.ต.อ.ชิษณุพงษ์ ขวัญบุรี รอง สวป.สภ.วชิรบารมี หลังนำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปรามปรามยาเสพติดตั้งด่านตรวจ บนทางหลวงหมายเลข 117 พิษณุโลก-นครสวรรค์ (ขาล่อง) บริเวณจุดตรวจบ้านกรดงาม ตำบลบ้านนา อำเภอวชิรบารมี จังหวัดพิจิตร
โดยขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่ ตำรวจที่ซุ่มอยู่ก่อนถึงด่านตรวจ พบรถเก๋ง โตโยต้า คัมรี่ สีขาว หมายเลขทะเบียน ขก-81 พิษณุโลก ขับมาด้วยความเร็ว และพอเห็นด่านตรวจได้ทำการหักหลบเข้าสถานีบริการน้ำมัน (ปั๊ม ปตท.) ซึ่งอยู่ก่อนถึงด่านตรวจประมาณ 200 เมตร เท่านั้น และสังเกตบุคคลภายในรถ ไม่ยอมลงรถ จอดอยู่นาน ทำท่ามีพิรุธผิดปกติลุกลี้ลุกลน จึงได้เข้าไปขอตรวจค้นภายในรถ
พบว่ามีบุคคลอยู่ภายในรถเก๋ง 3 คน เป็นชาย 2 คน หญิง 1 คน ทราบชื่อภายหลัง คือนายบุญฤทธิ์ อายุ 30 ปี เป็นคนขับ นายนเรน อายุ 37 ปี และน.ส.วาสนา อายุ 31 ปี เมื่อเปิดท้ายรถเก๋งมีกระเป๋าเป้แบบสะพายลายพราง และกระเป๋าเป้สีส้ม 2 ใบ จึงเปิดมาดู พบยาบ้า เต็มทั้ง 2 กระเป๋าจึงควบคุมตัว และตรวจยึดยาบ้าทั้งหมดเป็นของกลาง
ขณะเดียวกันนั้นยังมีรถกระบะ ซึ่งเป็นรถสเกาต์หน้าคุ้มกันของผู้ต้องหาอีกคัน จอดอยู่ห่างกันเล็กน้อยมีคนร้าย 3 คน เห็นรถเก๋งคันที่ลำเลียงยาบ้ามาถูกจับและตรวจค้น จึงเร่งเครื่องขับหลบหนีไปได้ แม้เจ้าหน้าที่จะเร่งตามไล่ล่า วิทยุสกัดหลายเส้นทาง แต่ไม่สามารถจับกุมได้
จากนั้นชุดจับกุมจึงได้นำตัว 3 ผู้ต้องหา พร้อมด้วยของกลางมาสอบสวนขยายผลที่ สภ.วชิรบารมี โดยพบยาบ้า ในกระเป๋าเป้ทั้งสองใบ บรรจุห่ออยู่ในถุงพลาสติกสีขาว มีตราสัญลักษณ์ เลขตอง 999 จำนวน 195,000 เม็ด
ผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพว่า ได้รับจ้างจากนักค้ายาเสพติดรายใหญ่ ในตัวเมืองจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งเป็นผู้สั่งการให้ลำเลียงยาเสพติดล็อตดังกล่าวจำนวน 2 แสนเม็ด จากด้านชายแดนไทย- สปป.ลาว ด้านอำเภอท่าลี่ จังหวัดเลย เพื่อจะนำไปส่งให้ลูกค้ารายใหญ่ในตัวเมือง จังหวัดนครสวรรค์ โดยใช้เส้นทาง เลย-พิษณุโลก-พิจิตร ปลายทางนครสวรรค์
จากการสอบสวนทราบว่า ได้ทำการรับจ้างลำเลียงยาบ้ามาแล้ว 1 ครั้ง ได้ค่าจ้างครั้งละ 5 หมื่นบาท และทุกครั้งจะมีสเกาต์หน้าชุดคุ้มกันตลอดเส้นทาง คอยบอกว่ามีด่านตรวจหรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่จึงได้เร่งขยายผลเพื่อจับกุมเครือข่ายผู้เกี่ยวข้อง
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหา “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) ไว้ในความครอบครอง เพื่อจำหน่าย เพื่อการค้า และเป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจาย ในกลุ่มประชาชนโดยไม่ได้รับอนุญาต”