แม่เปิดใจ ตร.แจ้งลูกเสียชีวิตอุบัติเหตุ สติแตกรับศพกลับบ้านสวด 3 คืนถึงรู้ลูกยังไม่ตายอยู่รพ. ร่างที่รับมากลายเป็นเพื่อนลูกซึ่งแม่เฝ้าอยู่รพ. 3 วันเหมือนกันก็เอะใจทำไมลูกเราเจาะหู สุดท้ายเรื่องแดง

วันที่ 26 มี.ค.2568 จากกรณีเหตุการณ์โอละพ่อ นายวัชรินทร์ และ นางอมราวดี ภรรยาไปรับศพลูกชาย นายพงศภัค อายุ 17 ปี ประสบอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ชนรถบรรทุกพ่วง เสียชีวิตที่รพ. เมื่อเวลา 04.00 น. วันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา แต่เมื่อสวดศพลูกผ่านมา 3 คืนแล้วถึงรู้ว่า ศพในโลงไม่ใช่ลูกชาย แต่เป็นนายธนกฤต อายุ 16 ปีเพื่อนลูกชายที่ไปด้วยกัน ซึ่งถูกระบุว่าบาดเจ็บสาหัสรักษาตัวอยู่รพ. โดยเรื่องแดงก็เมื่อแม่นายธนกฤต ไปเฝ้าดูอาการลูกแล้วพบว่าคนที่นอนเจ็บอยู่คือ นายพงศภัค ไม่ใช่ลูกชายตัวเอง

อ่านข่าว ศพในโลงไม่ใช่ลูก รับจากรพ.มาสวด 3 คืนถึงรู้ยังไม่ตายอยู่รพ. ญาติเพื่อนไปเยี่ยมชนเจ็บด้วยกันทรุดแทนผิดคน

โดยเรื่องนี้นางอมราวดี แม่นายพงศภัค เปิดเผยว่า หลังจากรับแจ้งจากตำรวจว่าลูกชายเสียชีวิตตนกับสามีก็สติแตกรีบพากันมารับศพลูกชายด้วยความเสียใจ ตอนมาถึงพยาบาลถามว่าลูกคุณอ้วนหรือผอม เราบอกว่าผอม ก่อนสามีเดินเข้าไปดูศพแต่จำหน้าไม่ได้ เนื่องจากที่ลำคอมีการพันแผลเอาไว้และใบหน้าก็ยุบหายไปไม่มีเค้าโครงเดิมเลยจำไม่ได้ แต่เอะใจหลังจากพยาบาลบอกนั้นเสื้อผ้าลูกคุณ ตนบอกว่าไม่ใช่และตำรวจก็เข้ามาตนก็บอกว่าเสื้อผ้าเปื้อนเลือดไม่ใช่ของลูกชายฉัน แต่ตำรวจไม่ได้ถามอะไรก่อนนำศพลูกชายกลับบ้านไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช วันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา

“จนกระทั่งเมื่อวานนี้พี่นก แม่ของนายธนกฤตเพื่อนลูกชายที่ไปประสบอุบัติเหตุด้วยกันแล้วได้รับบาดเจ็บไปในงานศพลูกชายแล้วเห็นเขาลงประชาสัมพันธ์บริจาคเลือดกรุ๊ปเอเลยสงสัย เพราะเป็นกรุ๊ปเลือดของลูกชายและในใบชันสูตรศพที่รับมาจัดงานนั้นเป็นเลือดกรุ๊ปบีก็เลยถาม

พี่นกแกก็บอกว่า สงสัยเหมือนกันช่วงที่เฝ้าอยู่ที่รพ.3 วันเห็นลูกชายไม่ได้เจาะหูเลยสงสัย เพราะลูกชายของเราเจาะใบหู จนกระทั่งวันนี้พวกเราพากันไปรพ.เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงกับพยาบาลว่าเกิดอะไรขึ้น มีทั้งตำรวจและพยาบาลแต่ไม่มีใครให้คำตอบ ขณะนั้นผู้สื่อข่าวอยู่ด้วยพยาบาลบอกมีอะไรให้ไปคุยกันข้างในและไม่ต้องให้ข้อมูลผู้สื่อข่าวเดี๋ยวรพ.จะเสียหาย”

ขณะที่นายวัชรินทร์ ผู้เป็นพ่อ บอกว่ารู้สึกโล่งใจที่ลูกชายยังไม่เสียชีวิต ก่อนหน้านี้ทำใจไว้แล้วหลังจากรับศพลูกชายมาประกอบพิธีทางศาสนา ตอนไปรับศพลูกก็จำหน้าไม่ได้ในตอนนั้น ตอนรดน้ำศพก็ไม่ได้ดูหน้ากันเนื่องจากใบหน้าเสียโฉมเลยทำให้เข้าใจว่าลูกชาย

ด้านยายแคล้ว อายุ 86 ปี ทวดของนายธนกฤต บอกว่า ตอนแรกรู้สึกเสียใจเพราะหลานมาเสียชีวิต เพราะเลี้ยงมาตั้งแต่เด็กๆแต่พอมาทราบข่าวอีกครั้งวันนี้ว่าหลานยังไม่เสียชีวิตและอาการดีขึ้นก็ดีใจ ถือว่าเป็นการฟาดเคราะห์ไป

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน