บุกห้างดังกลางกรุง จับแบรนด์เนมเก๊ กระเป๋า-นาฬิกาหรู แฉ ติดสินบนเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน รัฐบาลตั้งเป้า ไทยหลุดประเทศถูกจับตาปัญหาลิขสิทธิ์
เมื่อวันที่ 23 พ.ค. 2568 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญการแก้ปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ทุกประเภทอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นการดำเนินการที่สอดคล้องกับพันธกรณีภายใต้กรอบองค์การการค้าโลก (WTO) ที่ประเทศไทยเข้าเป็นสมาชิก
โดยตนได้รับมอบหมายจากเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ตรวจสอบหลังจากศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล 1111 รับเรื่องร้องเรียนธุรกิจผิดกฎหมายและอบายมุข โดยมีเจ้าหน้าที่รับสินบนให้กระทำความผิด กว่า 2,000 เรื่อง อาทิ เรียกรับสินบนเพื่อไม่ให้ดำเนินคดี จ่ายส่วยเจ้าหน้าที่แรงงาน การเปิดเว็บไซต์ เว็บโป๊ พนันออนไลน์ การขายบุหรี่ไฟฟ้า ปล่อยผ่านสินค้าผิดกฎหมายผ่านแดน
โดยทีมฝ่ายสืบสวนชุดเฉพาะกิจ ลงพื้นที่ทั่วประเทศตรวจสอบการลักลอบนำเข้าและเปิดขาย สินค้าผิดกฎหมาย ละเมิดลิขสิทธิ์ เชื่อมโยงถึงขบวนการค้ามนุษย์ ค้าแรงงานผิดกฎหมายในรูปแบบนักท่องเที่ยว แต่มาทำงานเป็นพนักงานขายตามห้างสรรพสินค้าขนาดเล็กและขนาดใหญ่ในกรุงเทพฯ เชียงใหม่ ขอนแก่น ภูเก็ต เมืองพัทยา และจังหวัดท่องเที่ยวที่สำคัญหลายแห่ง ที่จ่ายสินบนให้กับเจ้าหน้าที่ ตั้งแต่ 50,000 -100,000 บาทต่อเดือนต่อร้านค้า
มีเงินหมุนเวียนไปยังเจ้าหน้าที่รีบสินบน ปีละไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาทต่อเดือนต่อพื้นที่ และพบว่าเจ้าหน้าที่หลายแห่ง ใช้บัญชีม้ารับโอน กรณีเปิดเว็บไซต์ เว็บพนัน เว็บโป๊ เว็บผิดกฎหมาย ต้องจ่าย URL. ละ 20,000-50,000 บาท
แต่ละรายจะมี URL ต่อเว็บเว็บละ กว่า 20 URL บางจังหวัดมีมากกว่า 1,000 URL มีเงินสะพัดในระบบปีละหลายพันล้านบาท ซึ่งข้อมูลที่สำนักนายกรัฐมนตรีได้รับรายงาน คณะทำงานจะดำเนินการกลั่นกรองส่งดำเนินการให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ป.ป.ท. ป.ป.ง. ดีเอสไอ ต่อไป
นายจิรายุ กล่าวว่า โดยวันนี้ ชุดเฉพาะกิจ กระทรวงพาณิชย์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่ห้างดังกลางกรุง พร้อมด้วยพล.ต.ต.ทัศน์ภูมิ จารุปรัชญ์ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ชุดเฉพาะกิจตำรวจ 120 นาย เจ้าหน้าที่ฝ่ายปราบปรามกรมทรัพย์สินทางปัญญากระทรวงพาณิชย์ จำนวน 30 นาย
เข้าจับกุมผู้กระทำความผิดที่บริเวณชั้น 1-4 ซึ่ง 4 ชั้นเปิดขายสินค้าแบรนด์เนมเลียนแบบ เช่น กระเป๋าเดินทางชื่อดัง นาฬิกาหรู และอื่นๆ อย่างโจ๋งครึ่ม
ตรวจสอบพบว่าเจ้าของที่เช่าพื้นที่กับห้างมีทั้งคนไทยและต่างด้าว โดยให้ต่างด้าวที่พูดภาษาอังกฤษเป็นคนขายหน้าร้าน และทราบว่าได้จ่ายสินบนให้กับเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน ทั้งในพื้นที่และหน่วยอื่น ชื่อ น.ส.อ นาย ต. และสารวัตร น. โดยจะดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลต่อไป
นายจิรายุ กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ที่สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา (USTR) ประกาศสถานการณ์คุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศคู่ค้ารายสำคัญ ภายใต้กฎหมายการค้าสหรัฐฯ มาตรา 301 พิเศษ (Special 301) ประจำปี 2568 โดยคงสถานะไทยอยู่ในบัญชีประเทศที่ต้องจับตามอง (Watch List: WL) นั้น
ปัจจุบันกรมทรัพย์สินทางปัญญาเตรียมชี้แจงสหรัฐฯ ถึงพัฒนาการและดำเนินการตามแผนงานด้านทรัพย์สินทางปัญญา (IP Work Plan) เพื่อผลักดันให้ไทยหลุดจากทุกบัญชี แม้ว่าสหรัฐฯ ยังคงสถานะไทยที่ WL แต่ชื่นชมการดำเนินการคุ้มครองและป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของไทย
โดยเฉพาะการแก้ไขปรับปรุงกฎหมาย 2 ฉบับ คือ กฎหมายลิขสิทธิ์และกฎหมายสิทธิบัตร รวมถึงการกำกับดูแลองค์กรจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ (Collective Management Organizations: CMOs) ที่ได้ดำเนินการตามหลักปฏิบัติที่ดีในการบริหารการจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์เพลง (Code of conduct) ใช้เครื่องหมายรับรอง CMOs รวมถึงการบูรณาการหน่วยงานของไทยในการป้องปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา
รัฐบาลเร่งบูรณาการทำงานกับทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อขจัดปัญหาสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ รวมทั้งปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติที่แทรกซึมผ่านระบบเศรษฐกิจและกฎหมายไทย เพื่อให้ไทยหลุดจากบัญชี Watch List โดยเร็ว
ทั้งนี้ รายงานที่ส่งมายังคณะทำงานพบว่า มีเจ้าหน้าที่ของรัฐหลายส่วนเข้าไป พัวพันในการรับสินบน จากผู้นำเข้า ผู้ขายและการขายสินค้าผ่านออนไลน์ จนสามารถเปิดขายได้ตามร้านค้า ตามเว็บไซต์ทั่วไปเป็นจำนวนมาก ซึ่งบัญชีดำของเจ้าหน้าที่รับสินบนจะถูกดำเนินการต่อไป
หากพบเห็นการจำหน่ายสินค้าที่มีเครื่องหมายการค้าปลอม สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ หรือเจ้าหน้าที่ รับสินบน แจ้งเบาะแสได้ที่ สำนักนายกรัฐมนตรี โทรศัพท์หมายเลข 1111 หรือ ส่งจดหมายมาที่ “เสียงจากใจไทยคู่ฟ้า” เลขที่ 1 ทำเนียบรัฐบาล กทม. 10300 และ [email protected]