เมื่อวันที่ 15 พ.ค. สำนักข่าวต่างประเทศหลายสำนักต่างรายงานข่าวเปรียบเทียบเหตุการณ์พิธีเปิดสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาในนครเยรูซาเลมที่ดำเนินไปด้วยบรรยากาศชื่นมื่น กับเหตุปะทะเดือดบริเวณพรมแดนฉนวนกาซ่าที่ทำให้ชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตอย่างน้อย 55 รายแล้ว
เหตุการณ์ทั้งสองเชื่อมโยงกันด้วยความขัดแย้งที่ชาวปาเลสไตน์ประท้วงต่อต้านอิสราเอลและสหรัฐอเมริกาถึงการย้ายสถานทูตเข้าไปในนครเยรูซาเลมเท่ากับฮุบนครศักดิ์สิทธิ์ของชนหลายศาสนาเป็นของอิสราเอลฝ่ายเดียว
เอพีรายงานว่า ฝ่ายอิสราเอลให้ข่าวว่ามีชาวปาเลสไตน์ถึง 40,000 คนเข้าร่วมก่อจลาจลตามจุดต่างๆ ตลอดพรมแดนฉนวนกาซ่า 13 จุด ขว้างปาหินและอุปกรณ์ทำระเบิดเพลิงเข้าใส่เจ้าหน้าที่อิสราเอล เจ้าหน้าที่อิสราเอลจึงต้องป้องกันตนเอง
แต่ปรากฏว่านอกจากการใช้แก๊สน้ำตาแล้ว ยังมีกระสุนจริงจากหน่วยสไนเปอร์ที่ทำให้ชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตจำนวนมาก
นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีสายเหยี่ยว กล่าวปกป้องกองทัพว่า ทุกประเทศมีหน้าที่ต้องปกป้องพรมแดนของตนเอง ในเมืององค์กรก่อการร้ายฮามาสประกาศเจตจำนงจะทำลายอิสราเอล และส่งคนนับหมื่นมาเพื่อทำลายรั้วกั้นเขตแดน อิสราเอลจึงต้องปกป้องเอกราชและประชาชนอย่างเด็ดเดี่ยว
สำหรับพิธีเปิดสถานทูตสหรัฐอเมริกาที่ชื่นมื่น เริ่มในเวลา 16.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ส่งน.ส.อิวานก้า ทรัมป์ บุตรสาวและนายจาเร็ด คุชเนอร์ ลูกเขยนายทรัมป์ที่มาจากครอบครัวชาวยิว มาร่วมพิธี ท่ามกลางแขกเหรื่อราว 800 คนที่ปรบมือแสดงความยินดี ขัดแย้งกับภาพที่ฉนวนกาซ่าอย่างสิ้นเชิง