“ดูแตร์เต” ขวางลำ ไม่มั่นใจฝีมือเบอร์ 2 แย้มอยากให้ลูก “จอมเผด็จการ” นั่งผู้นำปินส์คนต่อไป

“ดูแตร์เต” ขวางลำ – วันที่ 17 ส.ค. เดลี่เมล์ รายงานกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ประธานาธิบดีโรดริโก “โรดี้” ดูแตร์เต ผู้นำฟิลิปปินส์ หลังกล่าวว่าพร้อมจะลาออกจากตำแหน่งก่อนครบวาระในปี 2565 เพราะทำงานหนักมากมากว่า 2 ปีจนรู้สึกเหนื่อย แต่ยังวางเชิงคุมเก้าอี้ผู้นำ

นางเลนี่ โรเบรโด และประธานาธิบดีโรดริโก ดูแตร์เต /Manila Bulletin/

โดยระบุไม่คิดว่า นางเลนี่ โรเบรโด รองประธานาธิบดี และหัวหน้าพรรคเสรีนิยม ฝ่ายค้าน จะเหมาะสมกับตำแหน่ง รวมถึงไม่คิดว่านางโรเยบรโดจะสามารถปรับปรุงฟื้นฟูประเทศได้ จุดชนวนให้กลุ่มผู้สนับสนุนนางโรเบรโดแสดงความคิดเห็นไม่พอใจดุเดือด และต่อว่านายดูแตร์เตว่าไม่มีการปรับปรุงตัว เพราะยังแสดงพฤติกรรมเหยียดผู้หญิงเหมือนเดิมตั้งแต่ก่อนรับตำแหน่งในปี 2559

นางเลนี่ โรเบรโด รองประธานาธิบดี เมื่อครั้งหาเสียงเลือกตั้งในปี 2559 /IBTimes Singapore/

“ผมอยากบอกทุกคน ผมคิดว่าจะลาออกจากตำแหน่งจริงๆ เพราะผมเหนื่อย แต่ผมลังเลที่จะแนะนำผู้สืบทอดทางการเมืองตามรัฐธรรมนูญ ผมไม่มีอะไรต่อต้านโรเบรโดหรอกนะ เธอเป็นทนายความ พวกคุณได้ยินสิ่งที่เธอ” นายดูแตร์เตกล่าว

That was Vice President Leni Robredo’s response to the statements made by President Duterte against her. /philstar.com/

ขณะที่นางโรเบรโดตอบโต้ในเวลาต่อมาว่า โดยส่วนตัวแล้วตนไม่อยากแสดงความคิดเห็นต่อประเด็นนี้เพราะอย่างไรแล้วก็ไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น “ประเทศของเรามีปัญหาเยอะแยะมาก เราแค่พยายามทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านั้น และหลีกเลี่ยงเกมการเมืองเถอะ เราต่างมีหน้าที่ที่ต้องทำอย่างดีที่สุดเพื่อประเทศ แทนที่จะเสียเวลาไปกับเรื่องที่ไม่ใช่ความจริง เราควรจะทำงาน” นางโรเบรโดระบุ

นายดูแตร์เตพูดคุยกับนายบองบอง มาร์กอส ลูกชายของอดีตประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ผู้นำจอมเผด็จการ หลังชนะการเลือกตั้งเมื่อปี 2559 (Photo courtesy of the Davao City Mayor’s office)

ทั้งนี้ นายดูแตร์เตเคยกล่าวว่าอยากให้นายเฟอร์ดินาน มาร์กอส จูเนียร์ หรือบองบอง มาร์กอส ลูกชายคนเดียวของอดีตประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส ซึ่งลงแข่งขันในศึกเลือกตั้งเมื่อปี 2559 แต่พ่ายให้กับนางโรเบรโด รับช่วงปกครองประเทศต่อจากตน

อ่านต่อ:

จวก “ดูแตร์เต” ท้าพิสูจน์ “พระเจ้า” หากมีจริงพร้อมลาออก

ดูแตร์เตจูบเย้ย หยอกเย้าหญิงแต่งงานแล้วบนเวที อ้างใกล้ชิดประชาชน