เอเอฟพีรายงานวันที่ 31 ธ.ค. ถึงคดีพิศวาสฆาตกรรมสะเทือนขวัญส่งท้ายปีที่บราซิล เมื่อเหยื่อเป็นถึงเอกอัครราชทูตกรีซประจำบราซิล และผู้ลงมือเป็นชู้รักที่เป็นตำรวจประจำตัวภริยาของผู้ตายเอง ชายหนุ่มให้การรับสารภาพ

รถที่ใช้เผาร่างทูตกรีกเพื่ออำพรางคดี AFP PHOTO / Fabio TEIXEIRA

นายเอวาริสโต ปอนเตส ผู้บังคับการตำรวจแผนกคดีฆาตกรรม นครริโอเดอจาเนโร แถลงรายละเอียดของคดีว่า ในช่วงเกิดเหตุ นายคีริอาคอส อะมีริดิส เอกอัครราชทูตกรีซ อายุ 59 ปีอยู่ระหว่างพาภรรยาไปเที่ยวทางเหนือของนครริโอตั้งแต่วันที่ 21 ธ.ค.และมีกำหนดต้องกลับไปทำงานในกรุงบราซิเลีย วันที่ 9 ม.ค. แต่ถูกนายแซร์จิโอ โกเมซ โมไรรา เจ้าหน้าที่ตำรวจอายุ 29 ปี สังหารเมื่อวันจันทร์ที่ 26 ธ.ค.

แฟ้มภาพทูตและภริยา

ต่อมาวันที่ 28 ธ.ค. นางฟรองซวส เด ซูซา โอลิเวียรา ภริยา อายุ 40 ปี แจ้งว่าสามีหายไป กระทั่งหนึ่งวันต่อมาจึงมีผู้พบศพในสภาพไหม้เกรียมอยู่ในรถยนต์เช่า

นางโอลิเวียรา

ตอนแรกนางโอลิเวียราอ้างว่า สามีขับรถออกไปจากอพาร์ตเมนต์ที่พัก และไม่กลับมาอีกเลย แต่เมื่อตำรวจสอบเค้นแล้วพบพิรุธจึงไปตามตัวนายตำรวจอะมีริดิสมาสอบสวน พร้อมตรวจพบรอยเลือดในอพาร์ตเมนต์จึงเชื่อว่าทูตถูกสังหารภายในห้องนั้น ก่อนถูกย้ายศพไปไว้ในรถแล้วเผาอำพราง

นายตำรวจโมไรราจำนวนด้วยหลักฐานจึงรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือเพราะตนมีสัมพันธ์สวาทกับนางโอลิเวียรา จังหวะเกิดเหตุนั้นตนสู้กับผู้ตายและรัดคอผู้ตายเพื่อป้องกันตัว

ส่วนนางโอลิเวียรายอมรับว่ามีสัมพันธ์กับชายหนุ่ม แต่ไม่ได้ร่วมฆาตกรรม เพียงแค่รู้ว่าชู้รักหนุ่มฆ่าสามีไปแล้ว ด้านตำรวจยังจับกุมนายเอดูอาร์โด โมไรรา เด เมโล อายุ 24 ปี ลูกพี่ลูกน้องกับนายตำรวจหนุ่ม ตามข้อสงสัยมีส่วนร่วมในเหตุฆาตกรรม

ตำรวจคุมตัวนางโอลิเวียราไปสอบสวน AFP PHOTO / Fabio Teixeira

สำหรับทูตอะมิริดิสเคยมาประจำที่บราซิลในฐานะกงสุลใหญ่ประจำนครริโอฯ ช่วงปี 2544-2547 และพบกับนางโอลิเวียราจนแต่งงานกันและมีลูกสาว 1 คน อายุ 10 ขวบ จากคดีนี้ ประธานาธิบดดีมิเชล เตเมร์ ผู้นำบราซิลส่งสารแสดงความเสียใจไปยังรัฐบาลกรีซ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน