รถชนดับ 1 เจ็บอื้อ ม็อบฝรั่งเศสประท้วงน้ำมันแพง ปิดถนนทั่วประเทศ

รถชนดับ 1 เจ็บอื้อ – เมื่อวันที่ 17 พ.ย. บีบีซี รายงานความคืบหน้ากรณีที่ “ขบวนการเสื้อกั๊กเหลือง” ซึ่งเป็นการรวมตัวของผู้ขับขี่ยวดยานในฝรั่งเศส โดยใช้สัญลักษณ์เป็นเสื้อสะท้อนแสงสีเหลือง เนื่องจากไม่พอใจที่ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงปรับตัวสูงขึ้น และกล่าวหารัฐบาลว่าทอดทิ้งผู้มีรายได้น้อย พร้อมปิดถนน สะพาน และทางด่วนทั้งหมด จนการจราจรแทบเป็นอัมพาตไปทั่วประเทศ

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง: ฮือทั่วฝรั่งเศส! สวมเสื้อเหลืองประท้วงรัฐบาล-น้ำมันแพง

ล่าสุด มีผู้เสียชีวิตแล้ว 1 ราย เนื่องจากถูกผู้ขับขี่รถยนต์พุ่งชนในจังหวัดอีแซร์ แคว้นโอแวร์ญ-โรนาลป์ ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ และมีผู้บาดเจ็บอีกหลายคน สาเหตุส่วนใหญ่มาจากผู้ขับขี่รถยนต์บางคนพยายามขับฝ่ากลุ่มผู้ประท้วงที่พยายามปิดกั้นเส้นทางการจราจร ในจำนวนนี้ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจบาดเจ็บด้วย

นอกจากนี้ กลุ่มคนระดมพลก่อการประท้วงต่อต้านรัฐบาลทั่วประเทศเพิ่มขึ้นจากอย่างน้อย 700 จุด เป็น 1,000 จุดแล้ว และคาดว่าจำนวนคนไม่ต่ำกว่า 50,000 คน

การประท้วงดังกล่าวสร้างความกังวลว่าอาจนำไปสู่การปะทะกันกับเจ้าหน้าที่ เนื่องจากรัฐบาลยืนกรานจะไม่ยอมให้มีการปิดถนนเกิดขึ้นเด็ดขาด และถือเป็นความท้าทายทางการเมืองครั้งใหญ่ของประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส ที่กำลังเผชิญกับคะแนนนิยมที่ลดลงอย่างต่อเนื่องจากนโยบายปฏิรูปสวัสดิการรัฐ โดยยอมรับว่า ยังไม่ได้พูดคุยปรับความเข้าใจกับบรรดาแกนนำผู้ประท้วง พร้อมกล่าวหาฝ่ายค้านว่าพยายามแทรกแซงผู้ประท้วงเพื่อใช้เป็นเครื่องมือทำลายรัฐบาล

ความไม่พอใจของผู้ประท้วงเกิดขึ้นหลังราคาน้ำมันเชื้อเพลิงประเภทดีเซล ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงหลักที่ชาวฝรั่งเศสใช้นั้นปรับตัวสูงขึ้นถึงร้อยละ 23 ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา อยู่ที่ 1.51 ยูโร หรือราว 56 บาทต่อลิตร ถือว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ปี 2543

ส่วนหนึ่งเป็นผลจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น และการปรับขึ้นภาษีสิ่งแวดล้อมของผู้นำฝรั่งเศส เพื่อส่งเสริมให้ผู้คนหันไปใช้เทคโนโลยีสะอาด ผู้ประท้วงบางคนตะโกนด้วยว่า “มาครง ออกไป” ทั้งยังประณามว่าเป็นประธานาธิบดีของคนรวยด้วย

คริสตอฟ กัสตาเนร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกิจการภายใน (เทียบเท่ามหาดไทย) กล่าวว่า ทางการฝรั่งเศสอยู่ในสถานะพร้อมขั้นสูงสุด รัฐบาลจะไม่ยอมให้มีถนนเส้นใดถูกผู้ประท้วงปิดกั้นโดยเด็ดขาด

ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่า ผู้เข้าร่วมการประท้วงกำลังกลายเป็นแหล่งแสดงความโกรธแค้นของประชาชนที่ไม่พอใจการบริหารงานของรัฐบาล และเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงความขาดความเข้าใจปัญหาของคนชนชั้นรากหญ้าจากรัฐบาลส่วนกลางในกรุงปารีส ทั้งที่นโยบายหลักของประธานาธิบดีมาครงประกาศไว้ คือ การสร้างเรียกความเชื่อใจของประชาชนต่อรัฐกลับคืนมา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน