สหรัฐ “ชัตดาวน์” ครั้งที่ 3 ในรอบปี เซ่นแผนทรัมป์เพิ่มงบฯ รั้วกั้นแดน 1.8 แสนล้าน

สหรัฐ “ชัตดาวน์” ครั้งที่ 3 – วันที่ 22 ธ.ค. ซีเอ็นเอ็น รายงานสถานการณ์ ชัตดาวน์ ของหน่วยงานรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอีกครั้ง หลังจากวุฒิสภาลงความเห็นไม่อนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณของ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งครอบคลุมงบฯ ก่อสร้าง กำแพงกั้นชายแดนสหรัฐ-เม็กซิโก ที่มีมูลค่าสูงถึง 5,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 185,000 ล้านบาท ส่งผลให้หน่วยงานภาครัฐบางส่วนต้องปิดทำการตั้งแต่เที่ยงคืนของวันที่ 22 ธ.ค.ตามเวลาท้องถิ่น ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 40 ปีที่สหรัฐมีการชัตดาวน์ 3 ครั้งในช่วงเวลาเพียงปีเดียว

การชัตดาวน์ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นหลังจากวุฒิสภาผ่านมติการพิจารณากฏหมายงบประมาณชั่วคราวฉบับที่ 2 เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งจะมีกำหนดครบวาระในวันที่ 8 ก.พ.2562 อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศในวันรุ่งขึ้นว่าจะไม่ลงนามในร่างกฎหมายงบประมาณใดๆ หากไม่มีการอนุมัติงบฯ ก่อสร้างกำแพงกั้นชายแดน ส.ว.พรรครีพับลิกันจึงลงมติให้ผ่านร่างดังกล่าวแล้ว แต่แผนของนายทรัมป์ต้องชะงักลงหลังจากส.ว.พรรคเดโมแครตไม่เห็นชอบและนำไปสู่การชัตดาวน์บางส่วนในที่สุด

สหรัฐ “ชัตดาวน์” ครั้งที่ 3

A partial US government shutdown has taken effect after US lawmakers failed to break a budget impasse. Mr Trump, who has to sign off any deal, is insisting at least $5bn in funding be included for his long-promised wall along the Mexican border. Lawmakers adjourned last-minute talks on Friday evening. /CNN/

การ์เดียนระบุว่าผลกระทบจากการชัตดาวน์จะทำให้เจ้าหน้าที่ในสังกัดรัฐบาลกลางราว 800,000 คนไม่ได้รับเงินค่าจ้าง กว่า 380,000 คนต้องหยุดงานเป็นการชั่วคราว และจะมีเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานสำคัญที่ต้องทำหน้าที่โดยไม่ได้รับค่าจ้างในช่วงชัตดาวน์ ได้แก่ เจ้าหน้าที่ตรวจสอบของสำนักงานรักษาความปลอดภัยด้านการขนส่งแห่งสหรัฐ (ทีเอสเอ) พัศดี เจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) และเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนชายแดน

ขณะที่นายทรัมป์กล่าวว่าวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันไม่สามารถทำอะไรได้ “จะเรียกว่าการชัตดาวน์ของเดโมแครต หรืออะไรก็ตามที่พวกคุณอยากเรียก แต่เราจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากพวกเขา” พร้อมเรียกร้องให้นายมิตช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำพรรครีพับลิกันในวุฒิสภา ให้ใช้มาตรการที่เรียกว่า “ทางเลือกระเบิดนิวเคลียร์” คืออาศัยเสียงข้างมากแทนกำหนดเสียงเห็นชอบที่ต้องมีอย่างน้อย 60 เสียงขึ้นไป

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง:

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน