โจลีเยือนค่ายโรฮิงยา พูดแรง ชะตารันทดโรฮิงยา ทำให้เราทั้งหมดน่าอับอาย

โจลีเยือนค่ายโรฮิงยา – เมื่อวันที่ 5 ก.พ. รอยเตอร์ รายงานว่า แองเจลินา โจลี วัย 43 ปี ซูเปอร์สตาร์ฮอลลีวู้ดในฐานะทูตพิเศษแห่งสำนักข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติหรือยูเอ็นเอชซีอาร์ เดินทางเยี่ยมค่ายผู้อพยพชาวมุสลิมโรฮิงยาที่หนีมาจากพม่า มาอาศัยอยู่ในเขตค็อกบาซาร์ ประเทศบังกลาเทศ ใกล้พรมแดนเมียนมา ก่อนเปิดแถลงข่าวด้วยถ้อยคำสะเทือนใจว่า “ชะตากรรมอันน่ารันทดของผู้อพยพทำให้เราทั้งหมดน่าละอาย”

โจลี่เปิดแถลงที่เนินเขาตรงค่ายผู้อพยพกูตาปาลอง ค่ายผู้อพยพที่ใหญ่ที่สุดในโลก ประณามความล้มเหลวของประชาคมโลกที่ไม่อาจป้องกันวิกฤตการณ์ที่ทำให้ชาวโรฮิงยาถึง 730,000 คน หนีตายทิ้งบ้านเรือน

“ดิฉันเจียมตนและภูมิใจที่ได้ยืนกับพวกคุณวันนี้ พวกคุณมีสิทธิทุกประการที่จะไม่กลายเป็นคนไร้รัฐ สิ่งที่พวกคุณถูกกระทำนั้นเป็นเรื่องน่าละอายของเราทุกคน

วิกฤตที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากการเลือกปฏิบัติแบ่งแยกผู้คนที่ยาวนานมาหลายทศวรรษ แต่กลับไม่เคยเป็นประเด็น และสิ่งที่น่าเศร้าที่สุดในสถานการณ์นี้ก็คือ เราไม่อาจพูดว่าเราไม่รู้การเตือนภัยนี้มาก่อน”

โจลีเยือนค่ายโรฮิงยา

Hollywood actress Angelina Jolie addresses a press conference at Kutupalong refugee camp in Cox’s Bazar, Bangladesh, Tuesday, Feb. 5, 2019. (AP Photo)

ขณะที่สหประชาชาติขอระดมเงินนานาชาติเกือบ 920 ล้านดอลลาร์ หรือราว 28,500 ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับช่วยเหลือดูแลผู้ลี้ภัยโรฮิงยา ซูเปอร์สตาร์ฮอลลีวู้ดเดินทางมาเยือนค่ายผู้อพยพตั้งแต่เมื่อวันจันทร์ที่ 4 ก.พ. พร้อมพูดคุยกับผู้ลี้ภัยโรฮิงยาที่หนีตายจากการปราบปรามของกองทัพเมียนมาในรัฐยะไข่ มาตั้งแต่ปี 2560

“มันน่าปวดใจที่ได้พบครอบครัวที่เจอมาแต่เรื่องถูกประหัตประหารและไร้รัฐมาตลอดชีวิต ชีวิตที่ถูกปฏิบัติเหมือนเป็นวัวควาย ครอบครัวชาวโรฮิงยาที่ฉันพูดคุยไม่ได้ต่างจากผู้อพยพในค่ายอื่นๆ ที่อยากจะมีโอกาสกลับบ้าน แต่ต้องกลับไปด้วยความรู้สึกปลอดภัย และได้รับความเคารพสิทธิ

ฉันพบผู้หญิงคนหนึ่งเมื่อวานนี้ เป็นผู้รอดชีวิตมาจากการถูกข่มขืนในเมียนมา หญิงคนนั้นบอกฉันด้วยว่า ให้ฉันยิงเธอเสีย ณ ตรงนั้นเลยดีกว่าถ้าจะให้กลับไปเมียนมาโดยไม่มีสิทธิอะไร” โจลีกล่าว

US actress, filmmaker and humanitarian Angelina Jolie (L), visits a school in the Kutupalong camp for Rohingya refugees in Ukhia in southern Bangladesh on February 5, 2019. (Photo by STR / AFP)

“ฉันขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่เมียนมาให้คำมั่นสัญญาว่าจะต้องยุติวงจรความรุนแรง การขับไล่คนออกจากพื้นที่ ต้องเริ่มปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่ของทุกชุมชนในรัฐยะไข่ รวมถึงชุมชนชาวโรฮิงยา” ทูตสาวยูเอ็นเอชซีอาร์กล่าว

ด้านนายโมฮัมเหม็ด ชาคีร์ อายุ 22 ปี ชาวโรฮิงยาที่หนีจากหมู่บ้านในรัฐยะไข่มาตั้งแต่ปี 2560 กล่าวชื่นชมกรทำงานด้านมนุษยธรรมของโจลี่

“ตอนที่ผมเห็นเธอ ผมตื่นเต้นมาก เพราะเธอพูดด้วยถ้อยคำพิเศษสำหรับเราชาวโรฮิงยา” ชายหนุ่มกล่าว

………………

อ่านข่าวก่อนหน้านี้ :

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน