สิงคโปร์ยกระดับเตือน – เมื่อวันที่ 8 ก.พ. รายงานความคืบหน้าสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ที่มีจุดกำเนิดมาจากนครอู่ฮั่น เมืองเอกมณฑลหูเป่ย์ ประเทศจีน ว่า มียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มเป็นเกือบ 35,000 คน และเสียชีวิตอย่างน้อย 724 ราย รักษาหายแล้ว 2,147 คนทั่วโลก ขณะที่รัฐบาลสิงคโปร์ประกาศยกระดับการเตือนภัยการระบาด สร้างความตื่นตระหนกให้ชาวสิงคโปร์ที่พากันไปต่อแถวเข้าคิวเพื่อซื้อหน้ากากอนามัย และเวชภัณฑ์ต่างๆ เพื่อกักตุน

People stock up on food supplies after Singapore raised coronavirus outbreak alert level to orange, at a supermarket in Singapore February 8, 2020. REUTERS/Edgar Su

ความตื่นตระหนกดังกล่าวเกิดขึ้นหลังทางการสิงคโปร์ยกระดับภาวะคุกคามจากโรคระบาดเป็นสีส้ม (รองจากสูงสุด) ซึ่งเป็นระดับเดียวกับเมื่อครั้งที่ไวรัสก่อโรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันร้ายแรง หรือ โรคซาร์ส ระบาดเมื่อปี 2546 ล่าสุด ทางการสิงคโปร์พบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสข้างต้นแล้ว 33 คน

การยกระดับดังกล่าวส่งผลให้ชาวสิงคโปร์ที่เกิดความตื่นตระหนกพากันเดินทางไปซื้อเวชภัณฑ์ต่างๆ และอาหาร น้ำดื่ม เพื่อกักตุน ผู้คนทั่วไปต่างนำหน้ากากอนามัยมาสวมใส่เพื่อป้องกัน แม้องค์การอนามัยโลก หรือดับเบิ้ลยูเอชโอ แนะนำให้เฉพาะผู้ป่วยเท่านั้น แต่บุคคลทั่วไปหากจะใส่หน้ากากอนามัยก็ต่อเมื่อต้องใกล้ชิดบุคคลที่ต้องสงสัยว่าติดเชื้อ

A packet of rice is pictured on an empty shelf as people stock up on food supplies, after Singapore raised coronavirus outbreak alert level to orange, at a supermarket in Singapore February 8, 2020. REUTERS/Edgar Su

ภาพซึ่งได้รับการเผยแพร่ผ่านโลกออนไลน์เผยให้เห็นชั้นวางสินค้าตามห้างสรรพสินค้าที่ว่างเปล่า และผู้คนต่อแถวรอชำระสินค้าอย่างยาวเหยียด หลายคนระบุว่า กลัวรัฐบาลจะยกระดับเป็นสีแดง ซึ่งเป็นขั้นสูงสุด ส่งผลให้พวกตนไม่สามารถเดินทางออกจากบ้านได้ ขณะที่รัฐบาลสิงคโปร์เรียกร้องให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก

นายชาน ชุนซิง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า สิงคโปร์มีสินค้าเพียงพอสำหรับความต้องการของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นอาหาร เนื้อสัตว์ ปลา ผลไม้ และแอลกอฮอล์ ไม่มีความจำเป็นต้องรีบออกไปแย่งกันกักตุน

 

– นักวิทย์ชี้ไวรัสส่อติดต่อทางอุจจาระได้

A medical staff member takes the temperature of a man at the Wuhan Red Cross Hospital in China on Jan. 25. HECTOR RETAMAL/AFP via Getty Images

วันเดียวกัน แพทย์ชาวจีนในนครอู่ฮั่น ซึ่งทำการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ เปิดเผยข้อมูลผ่านวารสารการแพทย์ของสมาคมการแพทย์อเมริกัน หรือเอเอ็มเอ พบความเป็นไปได้ว่า ไวรัสดังกล่าวอาจสามารถติดต่อจากมนุษย์สู่มนุษย์ผ่านอุจจาระของผู้ป่วย เนื่องจากตรวจพบเชื้อไวรัสในอุจจาระของผู้ป่วยด้วย จากเดิมที่หลายฝ่ายหันไปให้ความสำคัญกับการติดต่อทางการกระจายเชื้อโดยละอองฝอยน้ำมูกน้ำลาย (ดรอปเล็ต ทรานส์มิชชั่น) จนไม่ทันคิดถึงการติดต่อจากทางเดินอาหารของผู้ป่วย

บทความดังกล่าวระบุว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อ 14 จาก 138 คนที่ถูกศึกษาในโรงพยาบาลนครอู่ฮั่น มีอาการคลื่นไส้อาเจียน และอุจจาระร่วงประมาณ 1-2 วันก่อนอาการมีไข้สูง และหายใจลำบาก สอดคล้องกับผู้ป่วยรายแรกในสหรัฐที่มีอาการในลักษณะดังกล่าว และมีการตรวจพบเชื้อไวรัสในอุจจาระของผู้ป่วยด้วย ถือเป็นการติดต่อในลักษณะเดียวกันกับเชื้อไวรัสโรคซาร์สที่สามารถติดต่อได้จากของเสียของผู้ป่วยไม่ว่าจะเป็นอุจจาระ และปัสสาวะ แต่นักวิทยาศาสตร์ยังไม่ทราบว่าไวรัสสามารถมีชีวิตอยู่นอกร่างกายมนุษย์ได้นานเท่าใด

นายเดวิด ฟิสแมน ผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาการระบาดจากมหาวิทยาลัยโตรอนโต ประเทศแคนาดา กล่าวว่า การติดต่อผ่านอุจจาระของผู้ป่วยจะเป็นปัญหาใหญ่ของโรงพยาบาล และเป็นปัจจัยเสริมที่อาจทำให้การแพร่ระบาดลุกลาม อย่างไรก็ตาม ดรอปเล็ต ทรานส์มิชชั่น น่าะจะเป็นช่องทางหลักของการติดต่อมากกว่า

 

– อนามัยโลกเผยไม่กี่วันได้ชื่อไวรัสใหม่

3D4MEDICAL

ด้านองค์การอนามัยโลก หรือดับเบิ้ลยูเอชโอ เปิดเผยว่า ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งมีชื่อชั่วคราว 2019-nCoV จะได้ชื่อใหม่อย่างเป็นทางการภายในไม่กี่วันข้างหน้า โดยดับเบิ้ลยูเอชโอจำเป็นต้องเร่งตั้งผลักดันชื่ออย่างเป็นทางการออกมาให้เร็วที่สุดเพื่อสกัดกั้นผลกระทบไม่ให้เกิดขึ้นต่อชาติ หรือบุคคลใดๆ

แพทย์หญิงมาเรีย ฟาน เคอร์โคเฟอ ประธานคณะกรรมาธิการโรคอุบัติใหม่ของดับเบิ้ลยูเอชโอ กล่าวว่า ในปัจจุบันสื่อมวลชนยังใช้ชื่อ ไวรัสอู่ฮั่น หรือไวรัสจีนอยู่ ดับเบิ้ลยูเอชโอจึงมีความจำเป็นต้องผลักดันชื่อใหม่ออกมาเพื่อป้องกันไม่ให้ผลกระทบต่อบุคคลกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งตกเป็นเป้าการถูกทำร้ายทางจิตใจ บรรดาชื่อต่างๆ จะเป็นการตัดสินใจของคณะกรรมการนานาชาติ เพื่อการบัญญัติชื่อไวรัส หรือไอซีทีวี คาดว่าจะได้ผลลัพธ์ภายในไม่กี่วันข้างหน้า

________________________

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง:

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน