สิ้นนายใหญ่ซัมซุง อีคุนฮี วัย78 เจ้าของวาทะ “จงเปลี่ยนทุกอย่างยกเว้นลูกเมีย”
สิ้นนายใหญ่ซัมซุง อีคุนฮี – เอพี รายงานว่า เมื่อ 25 ต.ค. บริษัท ซัมซุง อิเลกทรอนิกส์ ธุรกิจยักษ์ใหญ่ระดับโลกแห่งเกาหลีใต้ แถลงการณ์แจ้งข่าวเศร้าว่า นายอี คุนฮี ประธานบริหารของบริษัทที่ล้มป่วยมานานด้วยอาการโรคหัวใจตั้งแต่ปี 2557 เสียชีวิตแล้ว ขณะอายุ 78 ปี
ประธานอีจากไปอย่างสงบท่ามกลางสมาชิกในครอบครัว รวมถึงนายอี แจยอง ลูกชายผู้สืบทอดตำแหน่งทายาทผู้นำบริษัทที่เฝ้าดูใจจนลมหายใจสุดท้าย เมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ 25 ต.ค.
“พวกเราทั้งหมดของซัมซุงจะจดจำท่านและเส้นทางอันน่าชื่นชมของท่านไว้ และขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อครอบครัวและญาติมิตรของท่านที่ใกล้ชิดที่สุด ตำนานของท่านจะอยู่ตลอดไป” แถลงการณ์ซัมซุงระบุ
อี คุนฮี ผู้แปรปรับยกระดับบริษัทซัมซุง จากผู้ผลิตโทรทัศน์เล็กๆ ก้าวสู่เจ้าแห่งอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าระดับโลก และเป็นผู้นำตลาดสมาร์ตโฟนและอุปกรณ์สื่อสารรายใหญ่ที่สุดของโลกถึงปัจจุบัน เข้าโรงพยาบาลตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2557 เมื่อเกิดอาการหัวใจวาย จากนั้นอี แจยอง ลูกชายคนโตเข้ารับหน้าที่ดูแลบริษัทแทน
ซัมซุงไม่เพียงเติบโตในฐานะบริษัทยักษ์ใหญ่ แต่ยังมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ ให้เกาหลีใต้ผงาดขึ้นเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 4 ของทวีปเอเชีย โดยซัมซุงครองสัดส่วนหุ้นในตลาดหลักทรัพย์เกาหลีใต้อยู่กว่าร้อยละ 20
ความมั่งคั่งของนายอี คุนฮี สื่อฟอร์บส์ของสหรัฐอเมริกา ประเมินเมื่อเดือนมกราคม 2560 ว่าสูงถึง 16,000 ล้านดอลลาร์ หรือเกือบ 5 แสนล้านบาท
ตำนานของอี คุนฮีในการคุมบริษัทซัมซุงเริ่มต้นเมื่อปี 2530 เมื่อรับกิจการต่อจากพ่อ ตอนนั้นซัมซุงยังต้องพึ่งพาเทคโนโลยีจากญี่ปุ่น เพื่อผลิตเครื่องรับโทรทัศน์ และเริ่มส่งออกเตาไมโครเวฟและตู้เย็น
ปี 2514 บริษัทเกือบจะใกล้ล้มละลาย แต่กัดฟันขยายโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์จนประคองกิจการมาได้
กระทั่งปี 2536 หลังจากอี คุนฮี ไปศึกษางานต่างประเทศมา 2 เดือนก็ตระหนักได้ว่าต้องยกเครื่องบริษัทครั้งใหญ่เพื่อปรับปรุงคุณภาพสินค้า
นายอีกล่าววาทะอันเป็นที่จดจำแก่ผู้บริหารซัมซุงว่า “เรามาเปลี่ยนทุกอย่างกันเถอะ ยกเว้นภรรยาและลูก”
อย่างไรก็ตามไม่ใช่กิจการทุกอย่างจะไปได้สวยหลังการเปลี่ยนแปลงนั้น ซัมซุงต้องขายกิจการซัมซุง มอเตอร์ที่เริ่มมาจากความนิยมรถหรูของนายอี ให้กับบริษัทเรอโนลต์ของฝรั่งเศส อีกทั้งบริษัทยังถูกวิจารณ์ว่าไม่เคารพสิทธิแรงงาน เพิกเฉยต่อสุขภาพพนักงานหลายปี ทำให้คนงานในโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์ป่วยเป็นมะเร็งไปหลายคน
ช่วงท้ายของชีวิตนายอี คุนฮี ยังเป็นช่วงที่บริษัทซัมซุงเผชิญกับความซับซ้อนทางธุรกิจ
นอกจากจะมีคู่แข่งรายใหม่จากจีนที่เข้าแข่งขันอย่างเข้มข้นในตลาดแล้ว ยังเกิดแรงกดดันมหาศาลให้บริษัทต้องปรับตัวจากธุรกิจฮาร์ดแวร์ที่แข็งแกร่งให้เป็นผู้นำนวัตกรรม รวมถึงต้องยกเครื่องปฏิรูปวัฒนธรรมการบริหารตามลำดับขั้น ให้เป็นการบริหารที่โปร่งใสและมีธรรมาภิบาล
เมื่อปี 2559-2560 ซัมซุงเผชิญมรสุมอื้อฉาวทางธุรกิจที่ไปทับซ้อนการเมือง กรณีพัวพันกับการจ่ายค่าอำนวยความสะดวกจำนวนมหาศาลให้รัฐบาลเพื่อให้การควบรวมกิจการสำหรับถ่ายโอนอำนาจจากพ่อสู่ลูกตระกูลอีราบรื่น อันเป็นคดีที่ทำให้น.ส.ปาร์ก กึนเฮ ถูกถอดถอนจากตำแหน่งประธานาธิบดี และรับโทษจำคุก
ส่วนอี แจยอง ผู้ได้ฉายาจากสื่อว่า เจ้าชายซัมซุง ถูกดำเนินคดีพร้อมผู้บริหารกิจการยักษ์ใหญ่อื่นๆ และต้องโทษจำคุก แต่เป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ จากโทษเต็ม 5 ปี จนถูกวิจารณ์ว่าเป็นเพราะทางการกลัวว่าธุรกิจซัมซุงจะกระเทือนถึงเศรษฐกิจโดยรวมของเกาหลีใต้
เหมือนสมัยอี คุนฮี เคยถูกตัดสินมีความผิดในคดีอื้อฉาวทางธุรกิจเมื่อปี 2551 จากการถ่ายโอนหุ้นด้วยวิธีผิดกฎหมาย เลี่ยงภาษี และติดสินบนเพื่อจัดการโอนทรัพย์สินและอำนาจควบคุมบริษัทให้ลูกๆ ทั้งสามคน แต่สุดท้ายก็รับโทษสถานเบา
ปี 2563 ขั้นตอนต่างๆ ที่ อี แจยองรับสืบทอดกิจการซัมซุง จากพ่อ จะเสร็จสิ้นอย่างสมบูรณ์ ขณะที่เจ้าชายซัมซุงประกาศว่า จะไม่ส่งต่อกิจการนี้ให้กับลูกๆ รุ่นต่อไปอีก และบริษัทจะยุติการขัดขวางพนักงานจัดตั้งสหภาพแรงงานต่างๆ
////
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : เจ้าชายซัมซุงก้มหัวขอโทษ ประกาศไม่ตั้งลูกๆ สืบทอดตำแหน่ง