สิงคโปร์ยังมีราชนิกุล ใช้ชีวิตเยี่ยงสามัญชน บางคนยากลำบาก
สิงคโปร์ยังมีราชนิกุล – รอยเตอร์ รายงานถึงกลุ่มคนที่เป็นราชนิกุลของสิงคโปร์ ว่าปัจจุบันยังมีอยู่ เพียงแต่ใช้ชีวิตเหมือนคนธรรมดาที่ไม่ได้แสดงตนอะไร บางคนเป็นพนักงานออฟฟิศ หรือเป็นคนขับรถแท็กซี่ แม้ครอบครัวสืบทอดมาจากราชวงศ์ในศตวรรษที่ 19 ที่ถูกอังกฤษบุกรุกและครอบครองสิงคโปร์
เต็งกูชาวัล
นายชาวัล อายุ 51 ปี เป็นคนหนึ่งที่ไม่ได้ใช้คำนำหน้าว่า “เต็งกู” หรือเจ้าชาย แม้จะบอกว่าตนเองเป็นสมาชิกของครอบครัว “หัวหน้าตระกูลสิงคโปร์”
“อ้าว..พวกเขายังเหลืออยู่อีกหรือ”มักเป็นคำพูดของคนที่ประหลาดใจว่า ยังมีราชนิกุลอยู่ในสิงคโปร์ ถ้าชาวัลบอกกับคนอื่นว่าเขาสืบเชื้อสายจากสุลต่าน ฮุสเซน ชาห์ ซึ่งทำสัญญาให้อังกฤษปกครองจนพลิกโฉมหน้าประเทศให้ทันสมัย
ล่วงเข้าศตวรรษนี้ ราชนิกุลบางคนอาศัยอยู่ในวังของบรรพบุรุษที่แออัดและทรุดโทรม ก่อนที่รัฐบาลจะเชิญออกไปอยู่ที่อื่นและปรับปรุงอาคารเก่าให้เป็นพิพิธภัณฑ์
จากจำนวนราชนิกุล 79 คน เคยมี 14 คน ที่อาศัยในพระราชวังซึ่งเป็นวังสมัยอาณานิคม ขณะที่คนอื่นๆ ย้ายไปพำนักในต่างประเทศ
การที่ผู้ได้รับผลประโยชน์ตามกฎหมายไม่ได้เป็นที่เปิดเผยต่อสาธารณชน ยิ่งทำให้ดูไม่ออกว่าคนไหนเป็นหรือไม่เป็นราชนิกุลตามที่กล่าวอ้าง
ขณะที่รัฐบาลสิงโปร์เปิดเผยว่ายังรับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้ราชนิกุลอยู่ แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้
ชาวัล ยังคงไปเยี่ยมเยียนบ้านเก่าที่กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ อยู่ใกล้กับมัสยิดและสุสานในย่านเมืองเก่าที่เรียกว่า “กำปง กีลาม”
แม้ชาวัลต้องประสบปัญหาถูกตัดรายได้และกิจการการขนส่งก็ฝืดเคือง เนื่องจากการระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ แต่ยังอุทิศเวลาให้กับการรักษามรดกของสุลตต่านให้คงอยู่ด้วยการสวมชุดราชนิยมและเข้าร่วมงานเฉลิมฉลองต่างๆ
เต็งกู อินทรา
การทำตนให้เป็นที่สังเกตว่าเป็นราชนิกุลก็ทำให้เกิดอุปสรรคปัญหาเช่นกัน แม้แต่กับราชนิกุลด้วยกันที่เตือนถึงอันตรายของการฝังอยู่กับอดีตจะยิ่งทำให้การอยู่กับปัจจุบันลำบากยากเย็น
“พวกเราไม่ใช่ราชวงศ์แล้ว ไม่สำคัญหรือว่าสืบเชื้อสายมาจากราชนิกุลหรือไม่ สิ่งสำคัญที่ต้องเรียนรู้ตลอดชีวิตคือการมีคุณธรรมแทนที่จะยินดีกับสถานะที่ได้เป็นผู้สืบสายเลือดจากบรรพบุรุษ” เต็งกู อินทรา ผู้สืบเชื้อสายราชวงศ์อีกคนหนึ่งวัย 67 ปี กล่าว
อินทราเป็นรุ่นเหลนของสุลต่าน ฮุสเซน ตอนนี้ลูกชายของอินทรา ชื่อ เต็งกู อาซาน อายุ 40 ปี และมีลูกสาวอายุ 2 ขวบ เป้นราชนิกุลอายุน้อยที่สุด ขณะที่อินทราคิดว่า คนรุ่นใหม่ในอนาคตจะไม่ไปใส่ใจกับประวัติศาสตร์ของสุลต่านมากนัก เพราะไม่ใช่เรื่องที่ควรไปยึดมั่นอะไร
เต็งกูไฟซาล
สำหรับคนที่เคยอยู่ในพระราชวังมาก่อน ชีวิตโลกภายนอกทำให้พลิกผันหน้ามือเป็นหลังมืออย่างน่าตกใจ
เต็งกู ไฟซาล อายุ 43 ปี เล่าว่า ตนเองออกจากวังมาเมื่อปี 2542 ไปทำงานเป็นคนทำความสะอาดที่คอนโดมิเนียม ถูกล้อว่าเป็นเจ้าชายตกยาก
ตอนนี้ไฟซาลทำงานเป็นคนขับแท็กซี่ ต้องดิ้นรนกับชีวิตอยู่มาก ต้องขอความช่วยเหลือด้านการเงินมาจ่ายค่าเทอมโรงเรียนอนุบาลให้ลูกสาว ส่วนภรรยาก็ต้องทำงานพาร์ตไทม์ที่ร้านแมคโดนัลด์
“เราไม่ได้ดูดี เราไม่ได้รวย เรามีแค่ตำแหน่งเท่านั้น” ไฟซาลกล่าว
ทั้งนี้เมื่อเทียบกับมาเลเซีย ตำแหน่งสุลต่านของราชวงศ์ประเทศเพื่อนบ้านยังคงมีบทบาทในสังคม ผู้ที่เป็นเต็งกูจะได้รับเกียรติมากกว่าคนธรรมดาทั่วไป แต่สำหรับสิงคโปร์ไม่ใช่เช่นนั้น
เจ้าหญิงปุเตรี กล่าวว่า แม้จะเขียนคำนำหน้าชื่อว่า เต็งกู แต่กลับเป็นเรื่องยากมากที่จะอธิบายว่าตำแหน่งนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร เพราะคนส่วนใหญ่ในประเทศลืมชิ้นส่วนทางประวัติศาสตร์นี้ไปแล้ว
“บางครั้งฉันก็เศร้านะที่ต้องคอยมาอธิบายว่าตัวเองเป็นใคร ไม่ได้เป็นเหมือนอย่างเจ้าชายแฮร์รี ที่ทุกคนรู้เลยว่าเป็นเจ้าชาย” ปุเตรี กล่าว
/////////
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : โควิด-19: การระบาดใหญ่สะท้อนให้เห็นปัญหาความเหลื่อมล้ำรุนแรงในสิงคโปร์