เคตลิน เอียร์เวเกอร์ ช่างภาพสัตว์ป่าวัย 21 ปี ได้เจาะหูบริเวณกระดูกอ่อนด้วยตัวเอง ซึ่งในตอนแรกเธอตื่นเต้น และชื่นชอบมันเป็นอย่างมาก แต่หลังจากนั้นเธอก็พบว่าการเจาะหูเองนั้นเป็นจุดเริ่มต้นของ ‘ฝันร้าย’ เพราะเธอก็เริ่มมีอาการติดเชื้อ หลังจากที่เธอลงไปแช่ตัวในอ่างน้ำร้อน ก่อนจะมีอาการแดงและบวมมากขึ้นบนใบหูของเธอ

เคตลินกล่าวว่าแพทย์ในอังกฤษสั่งยาปฏิชีวนะให้กับเธอ แม้เธอจะกินยาหรือดูแลตัวเองตามที่แพทย์แนะนำเท่าไหร่หูของเธอก็ไม่หายหรือดีขึ้นเลย ทั้งยังมีการอาการลุกลามและเริ่มมีอาการอักเสบมากยิ่งขึ้น และความเจ็บปวดยิ่งทวีคูณ ทำให้เธอตัดสินใจที่จะไปเข้ารับการรักษาที่ประเทศฝรั่งเศสแทน เธอได้เดินทางไปยังแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในฝรั่งเศส ทีมแพทย์ได้รีบทำการรักษาเบื้องต้นเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดของเธอ

ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อได้มีความพยายามหาว่าเกิดอะไรขึ้นกับใบหูของเธอ ท้ายที่สุดแล้วเคตลินได้รับการแจ้งว่าเธอต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นเวลา 6 สัปดาห์และแพทย์จะต้องให้ยาปฏิชีวนะชนิดพิเศษ เพื่อรักษาการติดเชื้อที่เกิดขึ้น เนื่องจากการติดเชื้อของเธอนั้นมีอาการดื้อยาปฏิชีวนะถึง 3 ชนิด เพราะแพทย์ที่อังกฤษให้ยาปฏิชีวนะไม่ถูกชนิด

เธอได้แชร์เรื่องราวการติดเชื้อหลังจากการเจาะหูเองของเธอลงบัญชีติ๊กต็อกของเธอ ซึ่งมีผู้เข้าชมมากกว่า 19.9 ล้านครั้ง และแสดงความคิดเห็นอีกกว่า 3 หมื่นความคิดเห็น ไม่ว่าจะเป็น “ฉันจะไม่เจาะหูอีกแล้ว” “มันดูเจ็บมากเลย” “คุณฉลาดที่ไปรักษาที่นั่น เพราะว่ามันถูกกว่า” “นักเจาะทั้งหลายดูไว้ อย่าว่ายน้ำหรือให้น้ำโดนหูโดยไม่จำเป็น” “ฉันเพิ่งเจาะหูมา…” “ฉันเริ่มกลัวการเจาะขึ้นมาแล้ว”

อย่างไรก็ตามสำหรับผู้อ่านที่กำลังจะไปเจาะหู หรือเพิ่งเจาะหูมานั้น ควรจะหลีกเลี่ยงไม่ให้แผลโดนน้ำ แช่น้ำ หรือว่ายน้ำ ก่อนอย่างน้อย 24 ชั่วโมงหรือจนกว่าแผลจะหายดี และควรจะดูแลแผลเจาะนั้นให้แห้งอยู่เสมอ เพื่อเลี่ยงต่ออาการติดเชื้อ ส่วนแผลที่เกิดขึ้นหลังเจาะหูจะมีการฟื้นฟูที่แตกต่างกันไปโดยจะขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่เจาะหากเป็นติ่งหูจะใช้เวลาประมาณ 6-8 สัปดาห์ แต่ถ้าเป็นบริเวณกระดูกอ่อนจะใช้เวลาประมาณ 4 เดือน ถึง 1 ปี

Re-Piercing Your Ears: Everything You Need to Know

ทั้งนี้หากบริเวณที่เจาะมีอาการแดงบวม รู้สึกอุ่น และเริ่มปวดโดยเฉพาะเมื่อเคลื่อนไหวนั้น รวมไปถึงมีของเหลวสีเหลืองหรือเขียวที่มีกลิ่นเหม็น ไหลซึมออกมาจากแผลเจาะ เพราะอาการเหล่านั้นล้วนเป็นสัญญาณของการติดเชื้อ และควรจะรีบไปพบแพทย์โดยด่วน เนื่องจากจำเป็นต้องได้รับยาฆ่าเชื้อเฉพาะสำหรับเชื้อบริเวณนั้น และไม่ควรซื้อยาเองเพราะการรับประทานยาฆ่าเชื้อผิดประเภทจะทำให้เชื้อเกิดการดื้อยาและทำให้แผลนั้นหายช้า และอาจจะทำให้เกิดแผลเป็นของกระดูกอ่อนใบหูทำให้รูปของใบหูผิดรูปได้

Ear Keloids - Case Studies of Patients Treated by Keloid Expert Dr. Tirgan

ที่มา : dailystar / pobpad

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน