เมื่อวันที่ 20 ต.ค. เอเอฟพีรายงานผลการดีเบตรอบที่ 3 เป็นรอบสุดท้ายระหว่างนางฮิลลารี คลินตัน ผู้แทนพรรคเดโมเครติก กับนายโดนัลด์ ทรัมป์ มหาเศรษฐีผู้แทนพรรครีพับลิกัน ในศึกการเลือกตั้งเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่ลาสเวกัส ดำเนินไปอย่างเกรี้ยวกราดและลงเอยอย่างบาดหมาง ทั้งสองไม่ยอมจับมือทักทายกันทั้งก่อนและหลังการดีเบต
ที่สำคัญ นายทรัมป์ไม่ยอมตอบว่าจะยอมรับผลการเลือกตั้งในวันที่ 8 พ.ย.นี้หรือไม่ บอกเพียงว่าไว้ถึงเวลานั้นก่อน ทั้งยังย้ำข้อกล่าวหาว่า ฝ่ายนางฮิลลารีวางแผนจะโกงการเลือกตั้ง ทำให้ผู้นำหญิงสวนกลับทันทีว่า เป็นความคิดที่น่ากลัวมาก เพราะบั่นทอนประชาธิปไตย
ด้านบีบีซีรายงานวิเคราะห์ว่า บรรยากาศการดีเบตนั้นเต็มไปด้วยความตึงเครียดและไม่สร้างสรรค์ เพราะเต็มไปด้วยการโจมตีที่ตัวบุคคลมากกว่าการนำนโยบายการบริหารมาต่อสู้กัน
สำหรับนายทรัมป์พลาดพลั้งในการดีเบตครั้งนี้อีก แม้พยายามควบคุมอารมณ์แต่ก็ไม่สำเร็จ ทั้งยังแสดงความเกรี้ยวกราดใส่นางฮิลลารีว่า “นังโกหก!” เมื่อนางคลินตันกล่าวเสียดสีว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียคงอยากให้นายทรัมป์ชนะเลือกตั้ง ในฐานะเป็น “หุ่นเชิด”
นอกจากนั้น นายทรัมป์ยังสาดอารมณ์ไปยังสื่อมวลชนด้วยว่าชักจูงผู้รับข่าวไปในทางที่ตนเสื่อมเสีย
ส่วนเอ็นบีซีวิเคราะห์ว่า การดีเบตรอบนี้เหมือนนายทรัมป์ใช้ตะปูตอกฝาโลงศพของตัวเองเรียบร้อยแล้วว่าจะแพ้การเลือกตั้งที่จะมาถึง ขณะที่โพลสำรวจชี้ว่านายทรัมป์มีคะแนนนิยมตามหลังนางฮิลลารีในระยะที่ยากจะตีตื้นได้ทัน
สำหรับเนื้อหาด้านนโยบายในการดีเบตครั้งนี้ นางฮิลลารียืนยันจะสนับสนุนสิทธิของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ หรือแอลจีบีที จะแก้ไขกฎหมายครอบครองอาวุธปืน ส่วนนายทรัมป์ระบุว่าจะสนับสนุนกฎหมายครอบครองอาวุธปืนต่อไป และยกเลิกกฎหมายที่อนุญาตให้ทำแท้งได้