เมื่อ 20 ต.ค. เอเอฟพีรายว่า จากกรณีที่มีการพบหยกก้อนมหึมาในรัฐคะฉิ่น ทางภาคเหนือของพม่า หนัก 174 ตัน สูง 4.3 เมตร ยาว 5.8 เมตร เมื่อสัปดาห์ก่อนนั้น นายทินต์ โซ ทนายในท้องถิ่น กล่าวว่า เจ้าของหยกจะยังไม่เคลื่อนย้ายไปไหนในช่วงนี้ เนื่องจากยังไม่มีอุปกรณ์ที่แข็งแรงพอที่จะหยกก้อนนี้ได้ ส่วนราคาที่เป็นข่าวประเมินกันว่าอาจถึง 6,000 ล้านบาทนั้น จริงๆ แล้วน่าจะแค่ 190 ล้านบาท

 

พม่าเป็นหนึ่งในประเทศที่ผลิตหยกรายใหญ่ที่สุดของโลก และพบมากในรัฐคะฉิ่น ซึ่งเป็นพื้นที่พิพาทระหว่างรัฐบาลกับกลุ่มติดอาวุธชนกลุ่มน้อย ก้อนหยกดังกล่าวมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากก้อนหยกที่ใหญ่ที่สุดที่เคยขุดพบในพม่า มีน้ำหนักกว่า 260 ตัน และนำไปสลักเป็นพระพุทธรูปหยกประดิษฐานในวัดที่เมืองอันซาน มณฑลเหลียวหนิง ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจีน

anshan_jade_buddha
ส่วนอีกก้อนที่ขุดพบในปี 2557 เป็นก้อนหยกขนาดกว้างกว่า 5.5 เมตร และหนักราว 50 ตันที่คนงานเหมืองขุดพบในเมืองผากัน รัฐคะฉิ่น

จากการประเมินของ Global Witness ในยุคที่พม่าปกครองโดยรัฐบาลกึ่งทหาร อุตสาหกรรมหยกทำรายได้สูงถึง 31,000 ล้านดอลลาร์ หรือราว 1 ล้านล้านบาท ในปี 2557 คิดเป็นครึ่งหนึ่งของจีดีพี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน