ยูเอ็นเตือนวิกฤต – วันที่ 20 ก.ย. เอพีรายงานว่า นายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ เรียกร้องให้ทางการสหรัฐอเมริกากับจีนแก้ไขสถานะความสัมพันธ์หมางเมินระหว่างกัน ก่อนที่จะกลายเป็นสงครามเย็นครั้งใหม่ที่แผ่ขยายออกไปทั่วทุกมุมโลก

คำเตือนดังกล่าวมีขึ้นหลังนายกูเตร์เรสให้สัมภาษณ์พิเศษกับสำนักข่าวเอพี สัญชาติสหรัฐ ก่อนการเปิดประชุมสมัชชาใหญ่ยูเอ็น (UNGA) ประจำปี 2564 ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา

United Nations Secretary-General Antonio Guterres rings the Peace Bell during the U.N. ceremony marking the 40th Anniversary of the International Day of Peace, Friday Sept. 17, 2021 at U.N. headquarters. (AP Photo/Bebeto Matthews)

การประชุม UNGA ที่จะมีขึ้นนั้นหลายฝ่ายคาดว่าจะเต็มไปด้วยประเด็นแหลมคม อาทิ ปัญหาความไม่เท่าเทียมการเข้าถึงวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาปี 2019 หรือโควิด-19 ปัญหาสภาพภูมิอากาศโลกเปลี่ยนแปลง หรือโลกร้อน และความขัดแย้งระหว่างประเทศอื่นๆ

นายกูเตร์เรส กล่าวว่า มหาอำนาจทางเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของโลกสองชาติ (สหรัฐ และจีน) ควรต้องร่วมมือกันเพื่อแก้ไขปัญหาโลกร้อน และเจรจาแลกเปลี่ยนกันทั้งทางด้านเศรษฐกิจและเทคโนโลยี

TOPSHOT – Cars sit in floodwaters following heavy rains, in Zhengzhou in China’s central Henan province on July 22, 2021. (Photo by Noel Celis / AFP)

รวมทั้งยืนหยัดร่วมกันเพื่อธำรงค์ไว้ซึ่งสิทธิมนุษยชน เศรษฐกิจโลก ความปลอดภัยไซเบอร์ และร่วมกันแก้ไจข้อพิพาทพื้นที่อธิปไตยต่างๆ เช่น ทะเลจีนใต้ แต่เป็นที่น่าเสียดายเพราะปัจจุบันนั้นทั้งสองประเทศมีแต่การเผชิญหน้ากัน

“เราจำเป็นที่จะต้องสถาปนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศนี้กันใหม่เพื่อให้สามารถทำงานร่วมกันได้ เพราะมีความสำคัญยิ่งต่อการแก้ปัญหาเรื่องวัคซีนกระจุกตัว โลกร้อน และอื่นๆ เพราะว่าความสัมพันธ์ของประชาคมโลก โดยเฉพาะมหาอำนาจเป็นสิ่งจำเป็นมากครับ”

เมื่อ 2 ปีก่อน นายกูเตร์เรสเคยเตือนบรรดาผู้นำประชาคมโลกว่าความขัดแย้งระหว่างสหรัฐ กับจีนอาจบานปลายทำให้ชาติในโลกแบ่งออกเป็นสองขั้ว โดยแต่ขั้วนั้นจะสร้างระเบียบข้อบังคับของฝ่ายตัวเองขึ้นมาในทุกมิติ ตั้งแต่อินเตอร์เน็ต สกุลเงินกลาง การค้า และความมั่นคง

china daily

นายกูเตร์เรส กล่าวย้ำถึงความจำเป็นที่สหรัฐฯ กับจีนจำเป็นต้องแก้ไขความสัมพันธ์กันใหม่ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้กลายเป็นสงครามเย็นรอบใหม่ ซึ่งจะมีความซับซ้อนอันตรายมากกว่า และบริหารจัดการยากกว่าเดิม

รายงานระบุว่า สงครามเย็นระหว่างอดีตสหภาพโซเวียตและแนวร่วมในซีกโลกตะวันออก เริ่มขึ้นทันทีกับสหรัฐอเมริกาและชาติพันธมิตรตะวันตกหลังสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง โดยจุดจบนั้นเกิดขึ้นจากการแตกสลายของอดีตสหภาพโซเวียตในปี 2534

สงครามเย็นเป็นความขัดแย้งกันอย่างสุดขั้วของแนวคิดทางเศรษฐกิจและระบอบการปกครอง ได้แก่ คอมมิวนิสต์และอำนาจนิยม เผชิญหน้ากับทุนนิยมและประชาธิปไตย

เลขาธิการยูเอ็น ระบุถึงสาเหตุที่สงครามเย็นรอบใหม่จะทวีความรุนแรงกว่าเดิม ว่าเนื่องมาจากสงครามเย็นในรอบแรกนั้นทั้งสหรัฐ กับอดีตสหภาพโซเวียต มีการเจรจาตกลงกันเรื่องกรอบกติกา เพราะหวาดเกรงว่าจะนำไปสู่สงครามนิวเคลียร์ทำให้ทั้งสองฝ่ายพังพินาศ

กรอบกติกาดังกล่าวนำไปสู่การเจรจา การประชุมหารือ และช่องทางสื่อสารจำนวนมากเพื่อมีไว้ถอดชนวนกรณีเกิดวิกฤตขึ้นระหว่างกัน ทว่า ปัจจุบัน สิ่งเหล่านี้ไม่มีหลงเหลืออยู่ระหว่างสหรัฐฯ กับจีนแม้แต่น้อย ไม่เหลือแม้กระทั่งความตระหนักถึงความร้ายแรงของสงครามนิวเคลียร์

นายกูเตร์เรสยังยกตัวอย่างถึงการประกาศความร่วมมือทางทหาร 3 ชาติ ระหว่างสหรัฐฯ อังกฤษ และออสเตรเลีย (AUKUS) เมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งเป็นการมอบเทคโนโลยีเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ให้กองทัพออสเตรเลียสามารถปฏิบัติภารกิจในเอเชียได้โดยไม่ถูกตรวจจับ ว่าเป็นเพียงส่วนหนึ่งของภาพใหญ่ที่ซับซ้อนจากปัญหาความขัดแย้งระหว่างสหรัฐ กับจีน

ทั้งนี้ ความร่วมมือทางทหาร 3 ชาติข้างต้น สร้างความไม่พอใจอย่างรุนแรงให้กับทางการจีนที่มองว่ามีเจตนามุ่งร้าย และฝรั่งเศสที่มองว่าถูกแทงข้างหลัง เนื่องจากทำให้ออสเตรเลียยกเลิกสัญญาซื้อเรือดำน้ำเครื่องยนต์ดีเซลจากฝรั่งเศส มูลค่ากว่า 2.2 ล้านล้านบาท

นอกจากนี้ เลขาธิการยูเอ็นยังได้กล่าวถึงประเด็นสำคัญ 3 เรื่อง ที่จะหยิบยกขึ้นในการประชุม UNGA ได้แก่ ปัญหาโลกร้อน ปัญหาการระบาดของโรคโควิด-19 และวิกฤตด้านมนุษยธรรมในประเทศอัฟกานิสถานหลังกลุ่มก่อการร้ายตาลิบันเข้ายึดครองอำนาจการปกครองไว้ได้เด็ดขาด

นายกูเตร์เรส ยอมรับว่า ความคาดหวังที่ว่าหากยูเอ็นเข้าไปแก้ปัญหาในอัฟกานิสถานแล้วทุกอย่างจะดีขึ้นนั้นเป็นเพียงความเพ้อฝัน พร้อมยกตัวอย่างสหรัฐ ที่พยายามแก้ไขปัญหามานานถึง 20 ปี สูญเสียเงินไปหลายล้านล้านบาท พร้อมชีวิตทหารอีกมากก็ยังไม่สามารถแก้ไขได้ และอาจทำให้ปัญหายิ่งซับซ้อนแก้ยากกว่าเดิม

Taliban fighters escort women march in support of the Taliban government outside Kabul University, Afghanistan, on Saturday, Sept. 11, 2021. (AP Photo/Bernat Armangue)

อย่างไรก็ตาม เลขาธิการยูเอ็น ยืนยันว่า บทบาทของยูเอ็นที่จะเข้าไปช่วยเหลืออัฟกานิสถานนั้นจะมุ่งเน้นภารกิจด้านมนุษยธรรมเพื่อช่วยเหลือชาวอัฟกันที่กำลังขาดแคลนปัจจัยสี่ พร้อมเรียกร้องให้ทุกชาติเปิดช่องทางการสื่อสารกับกลุ่มตาลิบันเพื่อให้การประสานงานราบรื่น

ด้านการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19 นายกูเตร์เรส กล่าวตัดพ้อถึงความล้มเหลวสุดขั้วของประชาคมโลกในการช่วยเหลือกันและกัน รวมไปถึงการผนึกกำลังแก้ไขปัญหาโลกร้อนด้วย

เลขาฯยูเอ็น กล่าวตัดพ้อว่า ช่วงปีที่ผ่านมานี้ ยูเอ็นไม่สามารถที่จะส่งเสริมให้เกิดพัฒนาการใดๆ ในด้านความร่วมมือระหว่างประเทศเกี่ยวกับวัคซีน เช่นเดียวกันกับความคืบหน้าการแก้ไขโลกร้อนที่หลายประเทศเริ่มเฉื่อยชาลงไม่กระตือรือร้นเท่าที่ควร

ออริกอนอพยพนับพันคน

TOPSHOT -US Forest Service shows a firefighter and rig during night operations on the night of July 17 and early morning of July 18, 2021 at the Bootleg Fire, near Klamath Falls, Oregon. (Photo by Handout / US Forest Service / AFP) /

นายกูเตร์เรส ระบุว่า สิ่งที่ตนยอมรับไม่ได้อย่างยิ่ง คือ ความไม่เท่าเทียมต่อการเข้าถึงวัคซีน พร้อมยกตัวอย่างประเทศของตนอย่างโปรตุเกสที่พลเมืองได้รับวัคซีนไปแล้วสองเข็มถึงร้อยละ 80 แต่ชาติยากจนในทวีปแอฟริกาบางชาติ มีพลเมืองเพียงร้อยละ 2 เท่านั้นที่ได้รับวัคซีน

“มันเป็นอะไรที่โง่เขลาอย่างยิ่งเมื่อมองจากเป้าหมายที่เราต้องการเอาชนะไวรัสชนิดนี้ เพราะถ้าปล่อยให้ไวรัสระบาดอยู่ในซีกโลกหนึ่ง ก็จะเกิดการกลายพันธุ์ แล้วพวกเราก็ทราบกันดีว่าการกลายพันธุ์ทำให้ไวรัสระบาดและรุนแรงมากขึ้นได้”

ทั่วประเทศป่วยพุ่ง 1.4 ล้านคน

เลขาฯยูเอ็น ยังกล่าวถึงความกังวลด้วยว่า ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นนั้นชัดเจนมาก เช่น ชาติร่ำรวยใช้งบถึงร้อยละ 20 ของจีดีพีในการฟื้นฟูประเทศ ขณะที่ชาติรายได้ปานกลางนั้นใช้งบเพียงร้อยละ 6 ของจีดีพี และชาติยากจนใช้งบร้อยละ 2 ของจีดีพีอันน้อยนิด

สิ่งเหล่านี้ข้างต้นกำลังก่อให้เกิดความไม่พอใจและบาดหมางกันระหว่างกลุ่มชาติร่ำรวยในซีกโลกเหนือและชาติที่ขาดแคลนโอกาสในซีกโลกใต้ ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของสันติภาพโลกในระยะยาว และการผนึกกำลังกันแก้ปัญหาใหญ่หลวงที่สุดอย่างโลกร้อน

+++++

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :

AUKUS : สหรัฐฯ จะช่วยออสเตรเลียสร้างเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ ถ่วงดุลอิทธิพลจีน

ทะเลจีนใต้ : เทียบสมรรถนะเรือบรรทุกเครื่องบินจีนกับสหรัฐฯ ของใครเหนือชั้นกว่ากัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน